ริ้วรอยแห่งวัยปัญหาผิวหนักใจ รีบฟื้นฟูก่อนกู่ไม่กลับ
รู้หรือไม่ว่า ริ้วรอยเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าที่คุณคิด แล้วจะทำอย่างไร ให้ริ้วรอยปัญหาผิวหายไป เพิ่มความมั่นใจคืนกลับมา
สารพัดปัญหาที่เกิดขึ้นกับผิว นอกเหนือไปจาก ผิวหมอง ผิวฝ้า ผิวกระ แล้ว การเกิดริ้วรอยบนใบหน้ายังเป็นอีกหนึ่งปัญหาผิวที่สร้างความกังวล ความไม่มั่นใจ และอาจบ่งบอกได้ถึงพฤติกรรมทางสุขภาพได้อีกด้วย แล้วริ้วรอยเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? และจะป้องกันหรือฟื้นฟูรักษาได้ด้วยวิธีใดได้บ้าง? เราจะมาไขคำตอบเพื่อให้คุณสวยครบจบ ปัญหาริ้วรอยที่คอยกระชากความสดใสของผิวคุณ
สาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยแห่งวัย แบ่งออกเป็น 2 ปัจจัย
1.) สาเหตุจากปัจจัยภายใน คือเรื่องของอายุ (intrinsic aging) เมื่ออายุมากขึ้น ชั้นผิวหนังก็จะบางลงทั้ง 3 ชั้นโดยเฉพาะชั้นหนังแท้ เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้น หลอดเลือดที่จะส่งสารอาหารให้ผิวหนังก็ลดลง ฮอร์โมนที่สำคัญคือ estrogen ก็น้อยลงทำให้ความสามารถในการสร้าง collagen ก็ลดจำนวนลงด้วย ทั้งนี้ต่อมไขมันก็ลดการสร้างน้ำมันมาเคลือบผิวลงด้วย ทำให้ผิวยิ่งแห้งเห็นเป็นริ้วรอยได้ นอกจากนี้ ชั้นไขมันก็ฝ่อตัวลดลงทำให้ผิวหนังเป็นร่องลึก
2.) สาเหตุจากปัจจัยภายนอก (extrinsic aging) เป็นปัจจัยจากแสงแดดที่มีผลอย่างมากในการเกิด
ริ้วรอย เนื่องจากแสงแดดประกอบด้วย UV มีผลทำลาย collagen รวมทั้งทำให้เกิดอนุมูลอิสระที่มีผลทำลายเซลผิวหนัง โดยเฉพาะ collagen และ elastin ซึ่ง UVAจะมีความสามารถผ่านลงไปมีผลที่ชั้นหนังแท้ได้มากกว่า UVB ที่จะทำให้เกิดการไหม้แดดได้มากกว่า ทั้งยังก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย
นอกจาก 2 สาเหตุปัจจัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ตามข้างต้นแล้ว ยังมีสาเหตุอื่น ๆ อีกที่สามารถเป็นตัวการสร้างริ้วรอยบนผิว ได้แก่
- การสูบบุหรี่ ซึ่งมีผลทำให้เส้นเลือดหดตัว ทำให้การส่งผ่านออกซิเจนลดลงและสารอาหารลดลง รวมทั้งก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ ที่ทำให้มีการทำลาย collagen และ elastin ทั้งนี้ ผลจากการสูบบุหรี่จะมีโอกาสเสี่ยงให้เกิดริ้วรอยได้มากถึง 5 เท่า
- ดูแลผิวไม่ถูกวิธี อาจมีการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีการกระตุ้นทำให้ผิวมีการหลุดลอก เกิดผิวแห้ง และมีริ้วรอยตามมา โดยอาจทำให้มีปัญหาของผิวไวแสง ทำให้แสงแดดไปมีผลกับผิวได้มาก
- การทำสีหน้าซ้ำ ๆ เช่น การขมวดคิ้ว การเลิกคิ้ว
- การนอนกดทับท่าเดิมเป็นประจำ
- การขาดสารอาหาร โดยเฉพาะสารที่จำเป็นต่อการสร้าง collagen ,elastin
- การนอนดึก ก็มีผลต่อการหลั่งของ growth hormone ที่มีผลต่อความอ่อนเยาว์ของผิว
หากเกิดปัญหาริ้วรอยไม่ว่าจะก่อนวัยหรือแห่งวัยก็ตาม สามารถดูแลผิวเพื่อลดการเกิดริ้วรอยได้ง่าย ๆ ดังนี้
1.) ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลา 10.00 น. - 16.00 น.
2.) ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ โดยเลือกครีมกันแดดที่มีความสามารถปกป้องทั้ง UVA และUVB.
3.) ทาครีมบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
4.) เลือกเครื่องสำอางค์ให้เหมาะสมกับผิวเพื่อลดโอกาสการระคายเคืองผิวที่จะทำให้ผิวแห้ง
5.) ใช้ครีมที่มีคุณสมบัติที่ลดริ้วรอยเช่นกลุ่ม Q10 , กรดวิตามินเอ, AHA หรือกลุ่มที่มีสาร hyaluronic acid ที่จะช่วยเติมเต็มให้ผิว
6.) ไม่สูบบุหรี่
7.) พักผ่อนให้เพียงพอ
8.) ไม่ควรนอนท่าเดิมซ้ำๆ ที่จะทำให้ผิวหน้ามีการกดทับ
9.) ไม่แสดงสีหน้าที่จะกระตุ้นให้เกิดรอยย่นได้มาก
10.) ไม่เครียด
11.) รับประทานอาหารที่กลุ่มวิตามินเอซีอี ซึ่งมีฤทธิ์เป็น antioxidant
12.) ทานน้ำให้มากอย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน
วิธีการรักษาริ้วรอย นอกเหนือจากการดูแลตัวเองแล้ว ยังมีแนวทางการรักษาทางการแพทย์ ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น
1.) การใช้ laser หรือก ลุ่มคลื่นวิทยุ (RF) เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้าง collagen ขึ้น
2.) การฉีดสารเติมเต็ม ที่เรียกว่า “Filler” ซึ่งเป็น สาร hyaluronic acid ที่มีความสามารถเติมเต็มเนื้อเยื่อได้มาก เช่น ร่องแก้มใต้ตา
3.) การฉีด Botox เป็นการทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวเพื่อลดริ้วรอยจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ (dynamic line) เช่น บริเวณรอบตา รอยขมวดคิ้ว เป็นต้น
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นหลังการรักษา
- ช่วยให้ใบหน้ากลับมาอ่อนเยาว์อีกครั้ง
- คืนความกระชับ ฝ้า กระ จางลง
- ชะลออายุผิว ฟื้นฟูผิว คืนความชุ่มชื้น
- ฟื้นฟูสุขภาพโดยรวม เพิ่ม Anti-oxidant
อย่างไรก็ตามการรักษาปัญหาริ้วรอยทางการแพทย์ ควรทำการรักษาโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ เลือกสถานที่ที่มีมาตรฐาน และไม่ควรคำนึงถึงราคาเป็นหลัก ควรใช้ปัจจัยและเหตุผลด้านอื่นประกอบด้วย เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะได้รับการรักษาที่ไม่ปลอดภัยได้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมคำปรึกษาด้านการแพทย์จาก โรงพยาบาลวรรณสิริ LINE : @WansiriHospital Call Center : 02-249-8855 และเว็บไซต์ www.wansirihospital.com
ขอบคุณข้อมูล โรงพยาบาลพญาไท และโรงพยาบาลวรรณสิริ