“วัยทอง” ควรเน้นตรวจสุขภาพด้านไหน? แล้วแต่ช่วงวัยควรระวังอะไรบ้าง?
รู้หรือไม่ ? แต่ละช่วงวัยสุขภาพร่างกายไม่เหมือนกัน การเลือกโปรแกรมตรวจสุขภาพย่อมไม่เหมือนกัน เช็กเลย! ช่วงอายุนี้ควรใส่ใจเรื่องอะไร ตรวจบ่อยแค่ไหน?
นอกจากการดูแลตัวเองทั้งการกินอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สภาพร่างกาย วัยช่วย และปัจจัยเสี่ยงของแต่ละเพศแต่ละวัยของแต่และคนนั้นมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน การเลือกรายการตรวจสุขภาพให้เหมาะนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้เราทุกคนก็ควรได้รับการตรวจสุขภาพเป็นประจำตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงวัยชราเลยทีเดียว
เลือกตรวจความเสี่ยงตามช่วงอายุ
กลุ่มเด็กแรกเกิด จนถึงวัยรุ่นไม่เกิน 20 ปี
- ตรวจสุขภาพตามรายการมาตรฐาน ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง คำนวณค่าดัชนีมวลกายให้เหมาะสมตามวัย
รับมือวัยทอง – วิธีสังเกตเข้าข่ายหรือยัง?ก่อนกระดูกพรุน-ปัสสาวะเล็ด
เทคนิคต้านความแก่บอกลาอาการวีนแตก-วัยทองในผู้หญิง
- ตรวจพัฒนาการด้านต่างๆ ตามช่วงอายุ และรับวัคซีนตามช่วงวัย
- ตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน
- ตรวจสุขภาพดวงตา สายตาและการมองเห็น
กลุ่มวัยรุ่นตอนปลาย ผู้ใหญ่ตอนต้น อายุ 20-30 ปี
ช่วงปลายวัยรุ่นวัยเรียนและเริ่มเข้าสู่วัยทำงาน หลายคนอาจละเลยการดูแลสุขภาพ เพราะคนในวัยนี้ส่วนใหญ่ยังแข็งแรง ไม่ค่อยมีการเจ็บป่วยจากความเสื่อมของร่างกาย แต่อย่างน้อยควรได้รับการตรวจสุขภาพพื้นฐานอย่างสม่ำเสมอปีละ 1 ครั้ง เพราะบางคนอาจมีรอยโรคบางอย่างที่เป็นมาแต่กำเนิดแต่ยังไม่เคยตรวจพบ หรือบางรายอาจมีโรคที่เกิดจากความเสี่ยงทางพันธุกรรมยางอย่าง หรือโรคอื่นๆ ที่สามารถตรวจได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งจะช่วยให้มีการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต หลักเลี่ยงการเพิ่มความเสี่ยง รักษาหรือชะลอโรคไม่ให้ลุกลาม
กลุ่มผู้ใหญ่ตอนต้น อายุ 30-40 ปี (ช่วงเริ่มเข้าสู่วัยทอง)
คนในวัยทำงานส่วนมากมักมีรูปแบบการใช้ชีวิตซ้ำๆ การรับประทานอาหารแบบเดิมๆ ที่เน้นความรวดเร็ว ดื่มน้ำน้อย ยิ่งหากขาดการออกกำลังกาย มีความเครียดสะสม นอนดึก คุณภาพการนอนไม่ดี จึงมักมีภาวะน้ำหนักตัวเกินและไขมันในเลือดสูง ซึ่งเป็นต้นเหตุของหลายโรค ดังนั้นจึงควรตรวจสุขภาพพื้นฐานให้ครบถ้วน ดังนี้
- ความสมบูรณ์ของระบบเลือด เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว
- ความยืดหยุ่นของหลอดเลือด
- ระดับไขมันและน้ำตาลในเลือด
- ตรวจสุขภาพปอดด้วยการเอกซเรย์ปอด
- ตรวจค่าการทำงานของตับและไต
- ตรวจกรดยูริก
- ตรวจสมรรถภาพหัวใจ ด้วยการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiography : EKG)
- ตรวจปัสสาวะ
- อัลตร้าซาวด์ช่องท้อง
- ตรวจสุขภาพดวงตา วัดสายตา ความดันลูกตา
กลุ่มอายุ 40-50 ปี (ช่วงวัยทอง)
ตรวจพื้นฐานเหมือนกับอายุ 30-40 ปี และตรวจเพิ่มเติมละเอียดมากขึ้น เช่น ตรวจคัดกรองมะเร็ง ตรวจฮอร์โมน การทำงานของปอด ภาวะไขมันพอกตับที่นำไปสู่โรคตับแข็งและมะเร็งตับ ตรวจการทำงานหัวใจให้ละเอียดขึ้น เพราะโรคร้ายหรือภัยแฝงสุขภาพในช่วงวัยนี้พี่พบบ่อยขึ้น คือภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน อันมีสาเหตุมาจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ หลอดเลือดหัวใจตีบ และจากการมีคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ ดังนั้นจึงควรตรวจสมรรถภาพหัวใจด้วยการวิ่งสายพาน (EXERCISE STRESS TEST : EST) กับตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echocardiogram : Echo) เพิ่มเติม ทั้งนี้สำหรับเพศชายและเพศหญิงยังมีสิ่งที่ควรตรวจเพิ่มเติมที่แตกต่างกัน คือ
- ผู้หญิง ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป ควรตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยเครื่อง Mammogram แต่อาจต้องตรวจเร็วขึ้นก่อนอายุ 40 ปี ถ้ามีประวัติว่าคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านมในขณะที่อายุน้อยๆ
- ผู้ชาย ควรตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก
กลุ่มอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป
นอกจากรายการตรวจพื้นฐานและการตรวจเพิ่มเติมในช่วงวัย 40-50 ปี แล้ว ในวัย 50 ปีขึ้นไปควรตรวจเพิ่มเติมเพื่อเน้นการค้นหาโรคแฝง โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดสมอง หลอดเลือดห้วใจ มะเร็ง ตรวจภูมิคุ้มกันที่มักลดลงตามวัย ดังนั้นควรพิจารณาเพิ่มรายการตรวจต่างๆ เหล่านี้ เช่น
- ตรวจวัดระดับสารอาหารวิตามิน เช่น วิตามินดี
- CT Heart Calcium Score ตรวจภาวะหลอดเลือดหัวใจอุดตัน โดยการวัดระดับแคลเซียมหรือหินปูนที่ผนังหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ บริเวณลิ้นหัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ
- MRI and MRA Brain ตรวจดูเนื้อสมอง ความเสี่ยงโรคสมองขาดเลือด เนื้อสมองฝ่อ มะเร็งสมอง
- Low Dose CT Scan Lung ตรวจโรคปอด คัดกรองมะเร็งปอดอย่างละเอียด
- CT Intra-Abdominal Fat วัดปริมาณไขมันในช่องท้องซึ่งสัมพันธ์หรือบอกถึงความเสี่ยงโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือสมอง โรคความดันโลหิตสูง
- Carotid Intima Thickness and Color Doppler ตรวจวัดการอุดตันและการไหลเวียนเลือดของเส้นเลือดแดงใหญ่บริเวณคอที่นำเลือดไปเลี้ยงสมอง หาความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน (Stroke)
นอกจากนี้ยังมีการตรวจยีน (Gene Testing) เพื่อหาความเสี่ยงการเกิดโรคก็มีความสำคัญ สามารถบอกความเสี่ยงการเกิดโรคได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ต้องรอให้ผลเลือดผิดปกติ ช่วยวางแผนดูแลสุขภาพทั้งการออกกำลังกาย อาหาร การตรวจทางการแพทย์ที่เหมาะสมตามความเสี่ยงทางพันธุกรรม
กลุ่มผู้สูงอายุ วัย 60 ปีขึ้นไป
- ตรวจร่างกายทั่วไป ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง BMI และวัดความดันโลหิต อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
- ตรวจสุขภาพตา อายุ 60-64 ปี ตรวจทุก 2-4 ปี อายุ 65 ปีขึ้นไป ตรวจทุก 1-2 ปี เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการมองไม่ชัด
เตือน! 5 โรคร้ายของวัยทองต้องระวัง ก่อนสุขภาพจิตพังสุขภาพแย่
การตรวจทางห้องปฏิบัติการที่จำเป็น
- ตรวจเลือดเพื่อดูการทำงานของไต ควรตรวจทุกปี เพื่อตรวจคัดกรองความผิดปกติของไต
- ตรวจหาเบาหวาน ควรตรวจทุกปี
- ตรวจหาไขมันในเลือด ควรตรวจทุก 5 ปี
- ตรวจหาภาวะซีด ควรตรวจทุกปี เมื่ออายุ 70 ปีขึ้นไป
- ตรวจปัสสาวะ ควรตรวจทุกปี เพื่อคัดกรองความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ
- ตรวจคัดกรองมะเร็ง
- มะเร็งลำไส้ใหญ่ ตรวจอุจจาระทุกปี
- มะเร็งเต้านม ตรวจทุกปีจนถึงอายุ 69 ปี
- มะเร็งปากมดลูก ตรวจทุก 3 ปีจนถึงอายุ 65 ปี
- ประเมินสภาวะสุขภาพในผู้สูงอายุ
- ภาวะโภชนาการ เพื่อลดภาวะทุพโภชนาการ และได้รับสารอาหารอย่างเหมาะสม
- ความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการป้องกันการเกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต
- ความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน เพื่อป้องกันการเกิดกระดูกหัก
- ภาวะสมองเสื่อม เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่เหมาะสมในการดำรงชีวิต
- ภาวะซึมเศร้า เพื่อคัดกรองภาวะซึมเศร้า และได้รับการวินิจฉัยช่วยเหลือที่ถูกต้องและเหมาะสม
รายการตรวจสุขภาพของแต่ละวัยจะมีทั้งเหมือนและแตกต่างกัน หากยังเลือกไม่ถูกว่าควรตรวจอะไรบ้างดี ควรปรึกษาแพทย์หรือเลือกแพ็กเกจตรวจสุขภาพตามช่วงอายุไว้ก่อน แล้วค่อยเลือกตรวจรายการอื่นๆ เพิ่มเติมตามความเสี่ยงของตนเอง ก็จะช่วยให้เรารู้ถึงสภาพร่างกาย เพื่อการดูแล หรือได้รับการรักษาที่เหมาะสม
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเปาโล
“วัยทอง” ปัญหาที่แก้ด้วย “ฮอร์โมนทดแทน” และการตรวจสุขภาพประจำปี
11 แอปพลิเคชันสุขภาพ ตรวจสอบสิทธิ-วางแผนกินดื่มออกกำลังกาย-เช็กเรื่องยา