มะเร็งปอดระยะสุดท้าย อาการ-วิธีรักษาและโอกาสรอดชีวิต
ขึ้นชื่อว่า “มะเร็ง” หลายคนคงทราบดีว่า เป็นโรคที่มักไม่มีอาการในระยะแรก และกว่าจะรู้ตัวโรคก็ลุกลามรุนแรงไปแล้ว เผยอาการ-อัตราการรอดชีวิตในมะเร็งปอดระยะ 4 หรือ ระยะสุดท้าย
ปอด มีลักษณะรูปร่างคล้ายกรวย ยืดหยุ่นเหมือนฟองน้ำ เป็นอวัยวะสำคัญที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนก๊าซและหายใจ จึงต้องทำงานหนักตลอดเวลา ซึ่งอาจทำให้เป็นมะเร็งได้หากมีพฤติกรรมการสูบบุหรี่ หรือได้รับควันบุหรี่มือ 2 และมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อย่างเช่นพันธุกรรมและการได้รับสารพิษ อาจทำให้ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดที่พบได้บ่อยอันดับต้นๆของไทย และอาจทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็วหลังพบการตรวจวินิจฉัย เนื่องจากส่วนมากมักพบโรคในระยะสุดท้ายจึงยากต่อการรักษาเนื่องจากปอดเป็นอวัยวะที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการผ่าตัด
“มะเร็งปอด”เนื้องอกโตเร็ว พบป่วยมากในไทย เป็นได้แม้ไม่สูบบุหรี่!
สัญญาณแรกมะเร็งปอด ไอเรื้อรังติดต่อกัน 2 สัปดาห์ไม่ควรมองข้าม!
ตามข้อมูลของสมาคมมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา อัตราการรอดชีวิตจากมะเร็งปอดในช่วงระยะเวลา 5 ปีมีดังนี้
- ระยะที่ 1 อัตราการรอดชีวิตและหายขาดมีมากถึง 77 - 92%
- ระยะที่ 2 อัตราการรอดชีวิตลดตามระยะแต่ยังสูง อยู่ที่ 53 – 68%
- ระยะที่ 3 อัตราการรอดชีวิตลดลงอย่างเห็นได้ชัด 13 – 36%
- ระยะที่ 4 หรือระยะสุดท้ายน้อยกว่า 10%
ระยะของโรงมะเร็งปอดมีความสัมพันธ์กับการมีชีวิตอยู่ของผู้ป่วย เมื่อทราบผลและทำการรักษาอย่างรวดเร็วอัตราการมีชีวิตอยู่ก็มีสูง หากมีการแบ่งระยะของมะเร็งได้อย่างชัดเจนแล้ว แพทย์ผู้ทำการรักษาก็สามารถว่างแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำและเหมาะสมกับระยะของโรคเพื่อผลลัพธ์ที่ดีมากกว่า
ซึ่งมะเร็งปอดระยะสุดท้ายมีการลุกลามไปทั่วอวัยวะต่างๆ เช่น กระดูกสันหลัง,สมอง,ตับและบริเวณผิวหนังเป็นต้นระยะที่มีการแพร่กระจายของโรคแบ่งได้ 2 ประเภท คือ
- การแพร่กระจายแบบทั่วไป
- การแพร่กระจายแบบจำกัด ( Oligometastases or Limited metastases )
สายพันธุ์ “มะเร็งปอด” ระยะไหน? แพร่กระจายเข้าสู่ต่อมน้ำเหลือง
อาการผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย
- อาการเหนื่อย หอบ เนื่องจากมะเร็งลุกลามมาที่ปอดหรือเยื่อหุ้มปอด หรือจากการมีน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด ซึ่งต้องให้ออกซิเจนหรือทำการเจาะระบายน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอดออก
- อาการแน่นท้องจากภาวะท้องมานหรือมีน้ำในช่องท้องทั้งจากการที่เซลล์มะเร็งลุกลามไปช่องท้องหรือลุกลามไปที่ตับ หรือการที่ผู้ป่วยมีภาวะตับแข็งร่วมด้วย ส่งผลให้การสร้างโปรตีนอัลบูมินหรือโปรตีนไข่ขาวจากตับลดลง ทำให้น้ำไหลออกจากหลอดเลือดและเกิดภาวะท้องมานขึ้น ซึ่งแพทย์ต้องเจาะระบายน้ำในช่องท้องออกเป็นครั้งคราวเพื่อลดอาการแน่นท้อง
- ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการซีด เลือดจาง เลือดออกง่ายทั้งจากเซลล์มะเร็งลุกลามไปที่ไขกระดูก ทำให้ไขกระดูกที่ทำหน้าที่สร้างเม็ดเลือดแดงบกพร่อง หรือจากความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด ทำให้เลือดออกง่าย หรือจากการที่มะเร็งลุกลามไปที่ตับ ทำให้ตับไม่สามารถสร้างโปรตีนหรือสร้างปัจจัยสำคัญในการแข็งตัวของเลือดได้ ซึ่งต้องให้เลือดหรือส่วนประกอบของเลือดทดแทน
- การขาดสารอาหาร ก็เป็นอาการที่พบบ่อยในผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายเช่นกัน โดยในส่วนนี้แพทย์ผู้รักษาจะเป็นผู้พิจารณาให้สารอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการให้น้ำเกลือหรือให้สารอาหารผ่านสายในทางเดินอาหาร
แม้ว่าการรักษาส่วนใหญ่จะเน้นการให้ยา ได้แก่ ยาเคมีบำบัด, ยามุ่งเป้า ยาภูมิคุ้มกันบำบัดหรือร่วมกัน และอาจมีการฉายรังสีเพื่อบรรเทาอาการเฉพาะที่ของโรค เช่น บรรเทาอาการปวดจากการแพร่กระจายที่กระดูก หรือบรรเทาอาการผิดปกติของระบบประสาท อันเนื่องมาจากรอยโรคที่สมองอย่างไรก็ตามในผู้ป่วยที่มีการแพร่กระจายแบบจำกัด อาจพิจารณาให้การผ่าตัดหรือฉายรังสี รังสีร่วมพิกัดร่วมด้วย เพื่อเพิ่มอัตราการรอดชีวิตและเพิ่มอัตราการควบคุมโรค โดยทั่วไปฉายรังสีจำนวน 1-15 ครั้ง วันละครั้งต่อเนื่องทุกวัน
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และ สสส.
ภาพจาก Freepik
ฝุ่นPM2.5 ภัยมลพิษปัจจัยก่อมะเร็งปอด-ลิ่มเลือดในสมองเสี่ยงหัวใจวาย