ไอเรื้อรัง อาจเป็นสัญญาณของภูมิแพ้ หรือ โรคร้ายแรง เผยอาการควรพบแพทย์
เคยไหม? ไอบ่อยจนรำคาญ กินยาแล้วก็ยังไม่หาย บางครั้งไอนานหลายสัปดาห์ หลายคนที่มีอาการแบบนี้อาจคิดว่าเป็นแค่การไอปกติทั่วไป แต่จริงๆ แล้ว อาการไอที่เป็นอยู่นาน อาจเป็นอาการที่เรียกว่า “ไอเรื้อรัง” ซึ่งเป็นสัญญาณของการเกิดโรค
อาการไอ คือ การตอบสนองของร่างกาย เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้เกิดการระคายเคืองในทางเดินหายใจ เช่น เชื้อโรค เสมหะ หรือฝุ่นควัน ร่างกายก็จะพยายามกำจัดทิ้งด้วยการไอออกมา ซึ่งส่วนมากการไอต่อเนื่องมักเป็นไม่เกิน 3-4 สัปดาห์ก็จะหาย หากบางกรณีที่ไม่ใช่เกิดจากสิ่งแปลกปลอมที่กำจัดได้ด้วยการไอ เช่น อาจมีบางอยากไปกดทับที่บริเวณของเนื้อปอดหรือหลอดลมทำให้เกิดอาการไอ เช่น ก้อนเนื้อหรือมะเร็งปอด ทำให้ร่างกายนั้นพยายามจะขับออกมา แต่ไม่สามารถขับได้ จึงเป็นสาเหตุของอาการไอเรื้อรังที่ไม่หายไป
3 ฝุ่นควัน เสี่ยงมะเร็งปอด แพทย์ย้ำ PM2.5 กระตุ้นอักเสบเรื้อรังนำไปสู่สารพัดโรค
วิจัยเผยไม่สูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอด กว่าครึ่งเป็นผู้หญิง เปิด 5 ปัจจัยเสี่ยง

ไอเรื้อรัง คือ การไอที่มีระยะเวลาติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 8 สัปดาห์ ภาวะไอเรื้อรังมีสาเหตุที่หลากหลาย อาจเกิดจากภาวะติดเชื้อ หรือภาวะที่ไม่เกี่ยวกับการติดเชื้อ เช่น ภูมิแพ้ หลอดลมอักเสบ หอบหืด บางกรณีภาวะไอเรื้อรังอาจเกิดจากโรคอื่นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจ เช่น กรดไหลย้อน ภาวะหัวใจวาย ดังนั้นการหาสาเหตุของไอเรื้อรังอาจไม่ได้คำตอบในการพบแพทย์ครั้งแรก การวางแผนการวินิจฉัยและติดตามการรักษาจึงต้องอาศัยความเข้าใจและความร่วมมือจากผู้ป่วยเป็นอย่างมาก
ไอแบบไหนควรพบแพทย์
- ไอติดต่อกันมากกว่า 8 สัปดาห์
- อาการไอรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
- อาการไอที่มีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีเลือดปน น้ำหนักลด เบื่ออาหาร หอบเหนื่อย อ่อนเพลีย เจ็บหน้าอก
- ไอมีเลือดปนเสมหะ
- ไอจากการที่เคยสัมผัสกับผู้ป่วยวัณโรคหรืออยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยวัณโรค
- มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไต หัวใจ เมื่อมีอาการไอควรรีบมาพบแพทย์
ไอเรื้อรังหนึ่งในอาการของโรคอันตราย
- วัณโรคปอด แม้ในระยะแรกจะไม่มีอาการ แต่เมื่อโรคลุกลามมากขึ้นจะมีอาการไอเรื้อรัง มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด บางรายอาจไอเป็นเลือด เจ็บหน้าอก หอบเหนื่อย
- มะเร็งปอด เมื่อโรคเป็นมากขึ้น มีอาการไอเรื้อรัง บางรายอาจไอออกเป็นเลือดสด บางรายอาจมีอาการเจ็บหน้าอก อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด หรือมีไข้ร่วมด้วย
- ถุงลมโป่งพอง มักพบในคนที่มีประวัติสูบบุหรี่จัดมานาน ผู้ป่วยมักมีอาการไอแบบมีเสมหะเรื้อรัง และหอบเหนื่อยง่าย มีหายใจเสียงดัง
- โรคหืด มักมีอาการไอ โดยเฉพาะเวลากลางคืน อากาศเย็น ความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับขนาดหลอดลมฝอยว่าตีบมากหรือน้อย อาการมีได้ตั้งแต่หายใจไม่สะดวก ไอมาก หายใจดัง หอบเหนื่อย อาการมักจะกำเริบเมื่อติดเชื้อทางเดินหายใจร่วมด้วย
- โรคภูมิแพ้อากาศ มักมีอาการคันจมูก คันคอ ไอ จาม บางรายมีน้ำมูกใสๆ ร่วมด้วย มักมีอาการเมื่อสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น ละอองเกสร ขนสัตว์ อากาศเย็น เป็นต้น
- กรดไหลย้อน มีอาการไอแห้งๆ โดยเฉพาะหลังอาหาร หรือเวลาล้มตัวลงนอน อาจจะมีอาการแสบร้อนในอกหรือเรอเปรี้ยวร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้
- ไซนัสอักเสบ มักจะมีอาการเป็นหวัดหรือโรคภูมิแพ้อากาศนำมาก่อน บางรายอาการหวัดอาจดีขึ้นในช่วงแรก แล้วแย่ลงภายหลัง มักไอเวลากลางคืนเพราะน้ำมูกไหลลงคอ
- ภาวะทางเดินหายใจไวต่อสิ่งกระตุ้น พบตามหลังโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ คือเมื่ออาการหวัดหายแล้ว แต่ยังมีอาการไออยู่ โดยไอมากกลางคืนหรือเวลาอากาศเย็นๆ ถูกลม เป็นต้น
สัญญาณมะเร็งปอดระยะแรก ไอเรื้อรังแบบไหนต้องรีบคัดกรองมะเร็ง
การรักษาไอเรื้อรัง นอกจากจะรักษาตามสาเหตุของโรคแล้ว ยังต้องรักษาตามอาการที่เกิดขึ้นควบคู่กัน ซึ่งนอกจากการซักประวัติ ตรวจร่างกายเบื้องต้นเพื่อวินิจฉัยโรคแล้ว บางรายอาจต้องส่งตรวจยืนยันตามความเหมาะสม อาทิ ตรวจดูโพรงจมูก ลำคอ เอกซเรย์โพรงไซนัส เพื่อดูกลุ่มอาการไซนัส ส่งตรวจเอกซเรย์ปอด เพื่อดูความผิดปกติของปอด ตรวจเสมหะ ตรวจสมรรถภาพปอด เพื่อดูโอกาสของหอบหืด เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ทรวงอก กรณีที่ตรวจพบความผิดปรกติจาก X-ray ปอด อาจต้องทำการส่องกล้องทางเดินหายใจ (Fiber Optic bronchoscopy) เพื่อยืนยันการวินิจฉัย
ปัจจุบันการส่องกล้องตรวจหลอดลมได้มีการพัฒนาทั้งวิธีการและเครื่องมือ เพื่อช่วยให้แพทย์ได้ข้อวินิจฉัยที่ถูกต้องแม่นยำ และปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยมากขึ้น การส่องกล้องตรวจหลอดลมนั้นเป็นการตรวจที่มีความปลอดภัย พบภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้น้อย
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท 3
สธ.เตรียม ชง ครม. มาตรการป้องกันฝุ่น PM 2.5 ใช้พื้นที่ควบคุมโรค ออกประกาศ WFH
สธ. เผยปี 68 มีผู้ป่วยเข้าใช้คลินิกมลพิษออนไลน์ เกือบ 300 ราย