“พริก” แซ่บได้แต่พอดีเป็นประโยชน์ ป้องกันโรคพาร์กินสัน-มะเร็งปอด
“พริก” เม็ดเล็ก ๆ แต่แซ่บถึงใจ ต้องบอกเลยว่าพริกคือสิ่งที่อยู่คู่กับคนไทยมานานเพราะคนไทยเป็นคนกินเผ็ดจึงจะอยู่ซ่อนในทุกเมนู นอกจากความแซ่บของน้องแล้ว รู้หรือไม่น้องมีคุณประโยชน์เหมาะกับสายสุขภาพอีกทั้งยังมีฤทธิ์ป้องกันโรคพาร์กินสันได้ด้วย
นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟชบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ว่า การกินสารช่วยรสหวานไร้น้ำตาล ตามที่มีการศึกษาในสัตว์ทดลอง ที่มีแมนนิทอล (mannitol) ก็อาจช่วยป้องกันชะลอโรคได้ รายงานในวารสารประสาทวิทยา (Annals of neurology) เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2556 พบว่า การกินพริกสดทำให้ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคพาร์กินสัน เพราะพริกอยู่ในตระกูล Solanaceae (capsicum และ solanum)
"พาร์กินสัน" สังเกตได้ อาการแบบไหนควรพบแพทย์
โรค "มะเร็งปอด" มัจจุราชเงียบ ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นได้
เช่นเดียวกับยาสูบ มีหลักฐานมากมายมหาศาลไม่ต่ำกว่า 60 รายงาน ที่พบว่าคนสูบบุหรี่มีโอกาสเป็นพาร์กินสันน้อยลง แต่ไม่มีใครอยากตายจากมะเร็ง โรคปอดจากการสูบบุหรี่ รายงานนี้จับประเด็นตรงที่ พริก มีปริมาณนิโคตินสูง ดังนั้น อาจจะให้ผลเหมือนกับการสูบบุหรี่ จากการประเมินผู้ป่วยพาร์กินสัน 490 ราย เทียบกันคนปกติ 644 ราย เกี่ยวกับการรับประทาน อาหารและชนิดของเครื่องปรุง พบว่าคนที่บริโภคพืชที่อยู่ในตระกูล Solanaceae สัมพันธ์กับการไม่เกิดโรคพาร์กินสัน และชะลอโรค เมื่อเป็นแล้วชนิดของอาหารที่สำคัญที่สุดคือ พริก และลดความเสี่ยงได้ถึง 30% อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทราบว่านิโคตินอย่างเดียวหรือมีสารอื่นๆในพริกที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดพาร์กินสันณ ปัจจุบันโรค โรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์และพาร์กินสันเริ่มจะทราบว่ามีกลไกพยาธิกำเนิดคล้ายกันในแง่ของการเกิดสารพิษ และการส่งทอดถ่ายสารพิษไปตามเครือข่ายโยงใยประสาท รวมทั้งตัวดัชนีชีวภาพ (biomarker) ก็พ้องใกล้เคียงกันหลายตัวเพราะฉะนั้นคงไม่แปลกนะครับถ้าจะเคียงพริกเข้าประกอบในเมนูหรือเครื่องปรุงอาหาร อย่างน้อยก็ดีกว่าต้องกินยาเป็นกำ หมออย่างเราๆต้องเปลี่ยนทัศนคติ ความคิดที่จะใช้ยาเพื่อให้อาการของโรคดูดีขึ้น แต่ไม่พยายามป้องกัน ชะลอการลุกลามของโรค การปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง ชนิดของอาหาร การออกกำลัง เป็นสิ่งที่ต้องไม่ละเลย
นอกจากนี้ พริกยังมีประโยชน์อีกหลายด้าน ทั้ง
- ลดน้ำหนัก กระตุ้นระบบเผาผลาญ ซึ่งเป็นสารก่อความร้อนในร่างกาย ส่งผลดีต่อระบบเผาผลาญ ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญได้ดี โดยมีการศึกษาจากประเทศญี่ปุ่นพบว่า การทานพริก 10 กรัม ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญในร่างกายได้อย่างรวดเร็ว และนานถึง 30 นาทีเลยทีเดียว แต่จะให้ทานพริกสด ๆ เป็น 10 กรัมเลยก็คงไม่ไหว จึงแนะนำลองหันมาทานพริกในรูปแบบสารสกัดดูเพื่อไม่ให้เป็นภาระกระเพาะอาหารจนเกิน
- อารมณ์ดี และเจริญอาหาร เนื่องจากในพริกจะเข้าไปกระตุ้นสารเอ็นดอร์ฟินซึ่งช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด อีกทั้งยังลดการสร้างฮอร์โมนที่ทำให้เครียด ช่วยให้เราอารมณ์ดี สดชื่น ทำให้ความดันโลหิตลดลง และกินอาหารอร่อยขึ้นด้วย
- ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง โดยวิตามินซีในพริกมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร แถมยังช่วยสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่หยุดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งปอดและมะเร็งช่องปากได้
หมอมนูญ ยกเคสผู้ป่วยมะเร็งปอด ไม่มีประวัติสูบบุหรี่ พบดมควันธูปนาน6ปี
ข้อควรระวัง
สารแคปไซซิน ในพริกมีฤทธิ์ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อ ดังนั้นในคนที่กินพริกมาก (กินเผ็ดจัด) อาจเกิดการระคายเคืองตั้งแต่เนื้อเยื่อในปาก รวมไปถึงระบบทางเดินอาหารทั้งหมด ทั้งกระเพาะอาหารและลำไส้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการแสบร้อน กระตุ้นการสร้างกรดในกระเพาะอาหาร รวมไปถึงอาจทำให้ท้องเสียได้ ดังนั้นคนเป็นโรคกระเพาะอยู่แล้วไม่ควรกินพริกหรือกินรสเผ็ดมาก รวมทั้งเด็กและผู้สูงอายุด้วยเพราะเสี่ยงหลอดลมหดเกร็ง ตีบ บวม หายใจไม่ออก เป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลย
กินน้ำไม่หายเผ็ดงั้นมารู้เคล็ดลับหาเผ็ดจากพริกกัน
- การดื่มนม
- น้ำมันนาว
- อมน้ำมันมะกอก
- อมน้ำเหลือเจือจาง
คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับ 2! “มะเร็งปอด” โรคร้ายที่ไม่มีสัญญาณเตือน