เปิดแหล่งอาหารแมกนีเซียม ลดเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ 12%
แมกนีเซียมมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของเซลล์ ช่วยสร้างพลังงาน ควบคุมกล้ามเนื้อ ลดเสี่ยงโรคเรื้อรัง ขาดแล้วเสี่ยงสารพัดโรค
แมกนีเซียม (Magnesium) มีความสำคัญต่อร่างกายคือเป็นโคแฟคเตอร์ของเอนไซม์จำนวนมาก มีบทบาทในการควบคุมอุณหภูมิการยืดหดของกล้ามเนื้อการสังเคราะห์โปรตีน มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง และโรคกระดูกพรุน ซึ่งถ้าขาดจะเกิดอาการชักกระตุก เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของกระดูก แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่พบมากเป็นลำดับที่สองภายในเซลล์ของร่างกาย มีบทบาทสำคัญคือควบคุมการทำงานของกระบวนการต่าง ๆ ภายในเซลล์
เป็นโคแฟกเตอร์ในกระบวนการเมตาบอลิซึมมากกว่า 300 ปฏิกิริยาช่วยในการสร้างส่วนประกอบของเนื้อเยื่อต่าง ๆ การเจริญเติบโตและการสร้างพลังงาน การควบคุมอุณหภูมิ การยืดหดของกล้ามเนื้อ การสังเคราะห์โปรตีน รวมทั้งเกี่ยวข้องกับการทำงานของเอนไซม์ tyrosine kinase ซึ่งมีความสัมพันธ์กับเมตาบอลิซึมของกลูโคส
ความจริงแล้วในร่างกายของมนุษย์ (ผู้ใหญ่) จะมีแมกนีเซียมในร่างกายประมาณ 25 กรัม โดย 99% ของแมกนีเซียม ในร่างกายอยู่ในเซลล์ และพบว่าประมาณ 50% อยู่ในเซลล์กระดูก (bone cell) และ 20% อยู่ในเซลล์กล้ามเนื้อลาย ที่เหลือพบในตับ หัวใจ และเนื้อเยื่ออื่นๆ และจำนวนแมกนีเซียมในเซลล์มีทั้งหมดจะมีประมาณ 10-28 มิลลิโมลต่อลิตร สำหรับในส่วนประกอบของเซลล์ (organel) บางอันจะพบแมกนีเซียมมากเป็นพิเศษ ได้แก่ที่ nucleus, mitochondria และ microsomer อย่างไรก็ตามแมกนีเซียมในกระดูกประมาณหนึ่งในสามสามารถกระจายออกมาจากกระดูกได้ ทำหน้าที่เสมือนแหล่งสำรองแมกนีเซียมเพื่อรักษาระดับแมกนีเซียมในเซลล์ หรือ นอกเซลล์ (intracellular or extracellular) สัดส่วนของแมกนีเซียม (Mg2+ ) ที่อยู่นอกเซลล์ต่อในเซลล์ เท่ากับ 0.33 เท่านั้น
แหล่งแมกนีเซียม
- เนื้อสัตว์นม เต้าหู้ขาว กุ้งแห้ง
- ผักใบเขียว เช่น ผักโขม, บรอกโคลี, ยอดฟักแม้ว, สะตอ, ใบยอ,สะเดา
- ถั่วต่างๆ เช่น ถั่วแปบ, ถั่วฝักยาว, ถั่วเหลือง, ถั่วปากอ้า, เม็ดมะม่วงหิมพานต์, อัลมอนด์, พิสทาชิโอ, วอลนัท, แมคาเดเมีย, เมล็ดฟักทอง
- ธัญพืชขัดสีน้อย เช่น ข้าวกล้อง, ข้าวสาลีกล้อง,งา ,งาดำ
- เบอร์รีต่างๆ, กล้วย,สับปะรด
มีการศึกษาหลายชิ้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของแมกนีเซียมกับมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยมีรายงานชิ้นหนึ่งกล่าวว่า การทานแมกนีเซียมเพิ่มขึ้น 100 มิลลิกรัมต่อวัน สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ถึงร้อยละ 12 ซึ่งเท่ากับการทานปลา 4 ออนซ์ ถั่วลิสง 2 ออนซ์ หรือผักโขมปรุงสุกประมาณ 1/2 ถ้วย
ในภาวะปกติ ร่างกายจะควบคุมระดับแมกนีเซียมในซีรั่มให้อยู่ในช่วง 0.75–0.95 mmol/L เพื่อให้เซลล์และโครงสร้างต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างเหมาะสม ภาวะขาดแมกนีเซียม (Hypomagnesemia) อาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ อาทิ ได้รับแมกนีเซียมจากอาหารน้อย ภาวะอดอาหาร โรคพิษสุราเรื้อรัง นอกจากนี้ การขาดแมกนีเซียมหรือการบริโภคอาหารที่มีแมกนีเซียมต่ำเป็นเวลานาน อาจก่อให้เกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคเบาหวานความดันโลหิตสูง กระดูกพรุน นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อ ระบบประสาท ฮอร์โมน ไต ระบบทางเดินอาหาร และกล้ามเนื้อต่าง ๆ อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท 2,disthaiและกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข