แนะ "โภชนาการ" กินอาหารอย่างไร ให้ห่างไกลโรคหลอดเลือดสมอง
โรคหลอดเลือดสมองภัยร้ายสามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยโภชนาการอุดมคุณค่า
โรคหลอดเลือดสมอง เป็นโรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นซ้ำได้หากขาดการป้องกันและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค ซึ่งการรับประทานอาหารที่ถูกต้องเหมาะสม จะช่วยควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคซ้ำได้
ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ได้แก่ ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจ เป็นต้น การลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้
แนะอาหารสำหรับผู้ป่วยโควิด พร้อมวิธี "กิน-บริหารร่างกาย-นอน" ต้านโรค
ส่อง 8 โรคแทรกซ้อนที่ซ่อนใน "ความอ้วน"
โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างง่ายๆ หนึ่งในนั้นคือการรู้จักเลือกรับประทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีความเสี่ยงต่อการทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองดังนี้ริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
การรักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม
โรคอ้วนหรือภาวะน้ำหนักเกิน จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง การประเมินตัวเองว่ามีน้ำหนักตัวเกินหรือไม่ สามารถคำนวณได้โดย
ดัชนีมวลกาย = น้ำหนัก (กิโลกรัม) / ส่วนสูง ยกกำลัง 2 (เมตร)
จากตารางเทียบดัชนีมวลกายข้างต้น เป็นตัวชี้ว่าน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานหรือไม่ หากมีน้ำหนักตัวเกินหรือภาวะอ้วน ควรจำกัดการบริโภคอาหารโดยหลีกเลี่ยงอาหารในกลุ่มที่ให้พลังงานสูง เช่น อาหารที่มีแป้งและน้ำตาล หลีกเลี่ยงอาหารหวานจัด อาหารไขมันสูง หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกแกงกะทิ และของทอด เป็นต้น
ผู้ที่มีภาวะความดันสูง
ควรควบคุมอาหารที่จะส่งผลให้ความดันโลหิตสูง เนื่องจากหากมีภาวะความดันโลหิตสูง อาจส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองซ้ำได้ การบริโภคอาหารเพื่อป้องกันภาวะความดันโลหิตสูง มีดังนี้
1. ลดเค็มจำกัดการรับประทานโซเดียมไม่เกินวันละ 2,300 มิลลิกรัม โดยการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีเกลือโซเดียมสูง เช่น อาหารหมักดอง อาหารแปรรูป อาหารกระป๋อง เครื่องปรุงรสต่าง ๆ เช่น เกลือ น้ำปลา ซอสปรุงรส
2. รับประทานผักผลไม้ให้หลากหลาย เป็นประจำทุกวัน
ผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง
อาหารประเภทไขมันมีความจำเป็นสำหรับร่างกาย เนื่องจากให้พลังงานและช่วยในการดูดซึมวิตามินต่าง ๆ เราจึงจำเป็นต้องรับประทานอาหารประเภทไขมัน แต่ปริมาณที่ได้รับไม่เกินร้อยละ 25-30 ของพลังงานทั้งหมดที่ได้รับจากสารอาหาร เพราะเมื่อรับประทานมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ จะทำให้เกิดโรคอ้วนและภาวะไขมันในเลือดสูงได้ แนวทางในการบริโภคอาหาร เพื่อลดปริมาณไขมันในเลือดมีดังนี้
1. หลีกเลี่ยงหรือลดการรับประทานอาหารที่มีไขมันอื่มตัวสูง เช่น น้ำมันหมู หมูสามชั้น เนย ครีม น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม อาหารที่ทำจากกะทิ เพราะกรดไขมันอิ่มตัวส่วนใหญ่ทำให้ระดับโคเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้น
2. จำกัดปริมาณคอเรสเตอรอลในอาหารไม่เกินวันละ 300 มิลลิกรัม
- รับประทานไข่แดง ไม่เกินสัปดาห์ละ 3 ฟอง
- หลีกเลี่ยงเครื่องในสัตว์ทุกชนิด
- หลีกเลี่ยงอาหารทะเลบางชนิด เช่น ปลาหมึก หอยนางรม กุ้ง
- เลือกรับประทานเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ เช่น ปลา เนื้อไก่ไม่ติดหนัง เต้าหู้
- เลือกดื่มนมพร่องมันเนย หรือ นมไขมันต่ำ
3. เลือกวิธีการปรุงอาหารที่ใช้ไขมันน้อย เช่น ต้ม ตุ๋น นึ่ง อบ ย่าง ยำ แทนการทอดหรือผัด ซึ่งใช้น้ำมันในปริมาณมาก
4. รับประทานไขมันไม่อิ่มตัวในปริมาณที่พอเหมาะ เช่น ใช้น้ำมันพืชในการประกอบอาหารแทนการใช้น้ำมันจากสัตว์ ซึ่งน้ำมันพืชที่ดี คือ น้ำมันมะกอก รองลงมาคือ น้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันรำข้าว แต่ต้องเลือกใช้น้ำมันให้เหมาะสมกับวิธีการปรุงประกอบ เช่น น้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันรำข้าวเหมาะสมกับการผัด ส่วนน้ำมันลืมเหมาะสมกับการทอด และไม่ควรใช้น้ำมันในการทอดอาหารซ้ำ
5. รับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ข้าวซ้อมมือ ถั่วเมล็ดแห้ง เนื่องจากใยอาหารจะ ช่วยลดการดูดซึมไขมันได้
6 .หลีกเลี่ยงน้ำหนาว ขนมหวานทุกชนิดที่หวานมีน้ำตาลหรือแป้งมาก รับประทานข้าว ก๋วยเตี๋ยว ขนมปังแต่พอสมควร รวมถึงการหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะจะสะสมเกิดเป็นไขมันได้
"อ้วน" เมื่อไรเสี่ยง "เบาหวาน" เมื่อนั้น แนะ 3 อ. ไกลโรค
รู้จักโรค NCDs โรคที่คุณสร้างมันขึ้นมาเองทุกวันๆ
ผู้ป่วยที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง หรือ เบาหวาน
โรคเบาหวาน เป็นโรคที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลกูลโคสในเลือดไปใช้ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งอาหารที่รับประทานเข้าไป จะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกลูโคส ถ้ารับประทานอาหารมากเกินไป น้ำตาลที่นำไปใช้ไม่หมดจะสะสมอยู่ในกระแสเลือด ถ้ามีมากก็จะออกมาในปัสสาวะได้ ผู้ป่วยเบาหวานมีโอกาสทีจะเป็นโรคหลอดเลือดแดงตีบมากกว่าปกติ ซึ่งโรคดังกล่าวนั้น ก็จะส่งผลให้เป็นโรคหลอดเลือดสมองซ้ำได้ หลักในการเลือกรับประทานอาหารสำหรับคนเบาหวานดังนี้
1. รับประทานอาหารให้หลากหลายและรับประทานให้เป็นเวลา
2. หลีกเลี่ยงของหวานและอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาล
3. รับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่มีใยอาหารมากขึ้น เช่น ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีต
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
- อาหารที่มีรสหวานจัด ขนมหวาน น้ำตาลทุกชนิด
- ผลไม้รสหวานจัด เช่น ทุเรียน
- น้ำหวาน ลูกอม ลูกกวาด น้ำอัดลม
ขอบคุณข้อมูลสุขภาพจาก สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค, ฝ่ายโภชนาการ โรงพยาบาลศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิ