"เก๋ากี้ (โกจิเบอร์รี่)" ดีกว่าที่คิด แต่กินมากไประวังผลข้างเคียง
เก๋ากี้ หรือ โกจิเบอร์รี่ ผลไม้ที่หลายคนคุ้นตาในเครื่องยาจีน มีประโยชน์หลากหลายแต่หากกินในปริมาณมากไปอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้
เรามักได้ยินและพบเห็นการนำสารสกัดจาก”โกจิเบอร์รี่”มาเป็นส่วนผสมทั้งเครื่องดื่มสุขภาพ รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากมาย แท้จริงแล้วนั้นคือผลไม้ที่นิยมนำมาประกอบอาหารหรือมักอยู่ในซุปตุ๋นเครื่องยาจีน หรือ “เก๋ากี้” นั่นเอง เห็นเป็นพืชเม็ดเล็ก ๆ แบบนี้ จะส่งผลอะไรต่อร่างกายของเราได้บ้างนั้น คนรักสุขภาพต้องมาติดตามกันเลย
เก๋ากี้ หรือที่รู้จักกันในชื่อโกจิเบอร์รี่ (Goji berry) , wolfberry หรือ Lycium fruit เป็นผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ ผลสีแดงอมส้ม มีขนาดเล็ก รสชาติเปรี้ยวอมหวาน
"อัมพาตหน้าครึ่งซีก" โรคใกล้ตัว จากความผิดปกติของเส้นประสาท
สมุนไพรฤทธิ์เผ็ดร้อน - ผักผลไม้วิตามินซีสูง เสริมภูมิบรรเทาหวัด
เก๋ากี้ได้รับขนานนามว่าเป็นสุดยอดผลไม้ด้วยมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ประกอบด้วยเส้นใยอาหารถึงร้อยละ 20 กรดอะมิโน 19 ชนิด ไขมัน แร่ธาตุที่ร่างกายต้องการ เช่น สังกะสี เหล็ก ทองแดง แคลเซียม ฟอสฟอรัส ซิลีเนียม และวิตามิน ได้แก่ วิตามินบี1, บี2 และวิตามินซี รวมทั้งพบสารออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่สำคัญได้แก่ สารกลุ่ม polysaccharide, carotenoids และ สารประกอบ phenolic ในปริมาณที่สูงด้วย
สารทั้ง 3 กลุ่มมีความสำคัญต่อร่างกายดังนี้
1.สารกลุ่มโพลีแซคคาไรด์ (polysaccharide)
ช่วยทำให้อาหารอยู่ในทางเดินอาหารนานขึ้น เกิดการย่อยอาหารช้าลง ช่วยลดการดูดซึมสารอาหาร รวมถึงน้ำตาลและไขมัน มีประโยชน์ต่อการควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด ช่วยป้องกันการเกิดโรคเส้นเลือดอุดตันรวมถึงโรคทางหลอดเลือดและหัวใจได้
2.สารกลุ่มแคโรทีนอยด์ (carotenoids)
เป็นรงควัตถุที่ทำให้ผลเก๋ากี้มีสีส้มแดง ซึ่งสารหลักที่พบสูงกว่าผลไม้ชนิดอื่น ๆ ได้แก่ ซีแซนทีน (zeaxanthin) ลูทีน (lutein) และเบต้าแคโรทีน (-carotene) หรือสารตั้งต้นของวิตามิน A เป็นองค์ประกอบของจอประสาทตาและร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง
ทำหน้าที่กรองแสงสีฟ้าและลดการสะท้อนของแสง ช่วยป้องกันรังสีจากแสงแดดที่เป็นอันตรายต่อดวงตา มีคุณสมบัติป้องกันโรคหลายชนิด เช่น โรคต้อกระจก โรคจอรับภาพเสื่อม จอประสาทตาเสื่อมจากเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงทำหน้าที่เป็นสารต้านออกซิเดชันในดวงตาอีกด้วย
3.สารกลุ่มฟีนอลลิก (phenolic)
เช่น caffeic acid ,chlorogenic acid , caffeoylquinic acid และ -coumaric acid และสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ ได้แก่ myricetin , quercetin และ kaempferol ช่วยเสริมการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระหรือสารต้านออกซิเดชันอื่นๆ ที่มีอยู่แล้วในร่างกายให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
เก๋ากี้ จึงมีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาและการศึกษาทางคลินิก โดยช่วยบำรุงสายตา ลดระดับน้ำตาลในเลือดลดระดับไขมันในเลือด ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ฤทธิ์ชะลอวัย (Anti-aging activity) ปกป้องเซลล์ประสาท เพิ่มภูมิต้านทาน นอกจากนี้ผลการศึกษายังพบว่า เก๋ากี้ช่วยลดความอ่อนล้าและความเครียดได้ดี
"ไฝ" แบบไหนถึงน่ากลัว สัญญาณร้ายโรคมะเร็งผิวหนัง
สมุนไพร 3 เกลอ กินป้องกันโรคหน้าฝน แนะวิธีทำทิงเจอร์ข่ารักษา "น้ำกัดเท้า"
ผลข้างเคียงเล็กน้อยจากการกินเก๋ากี้เกินขนาด
- ปวดท้อง
- อาเจียน
- ปวดหัวในผู้ใช้บางราย
- เกิดตับอักเสบ
- ปฏิกิริยาผิวไวต่อแสงในผู้ที่รับประทานเก๋ากี้บางรายด้วย
อาการพิษจากการที่เก๋ากี้มีสาร Tropane alkaloids เป็นองค์ประกอบ เช่น Atropine และ Scopolamine ซึ่งอาจส่งผลให้มีอาการตาพร่ามัว ท้องผูก ปากแห้ง รูม่านตาขยาย ง่วงซึม วิงเวียนศีรษะและรู้สึกกระวนกระวายได้
ข้อควรระวัง
เนื่องจากเก๋ากี้ที่บรรจุอยู่ในแต่ละผลิตภัณฑ์มีการระบุขนาดและรูปแบบการใช้ที่แตกต่างกัน ซึ่งมีผลต่อประสิทธิภาพการรักษา การรับประทานเก๋ากี้จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อน
โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตต่ำหรือสูง หรือใช้ยาบางอย่างเป็นประจำ เช่น วาร์ฟาริน หรือยาที่ส่งผลต่อความดันโลหิตและการแข็งตัวของเลือด โดยเฉพาะสตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยง เพื่อความปลอดภัยจากการได้รับปริมาณสารออกฤทธิ์ที่เหมาะสม และประโยชน์อย่างเต็มที่จากการรับประทาน
ทั้งนี้ การเลือกบริโภคอาหารที่หลากหลายควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยส่งเสริมสุขภาพได้โดยไม่ต้องเสริมด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือสมุนไพรใด ๆ เพิ่มเติม
ขอบคุณข้อมูลสุขภาพจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)