นายกฯ วอนชุมนุมอยู่ใต้กรอบของกฎหมาย
ด่วน! พบผู้ลี้ภัยกะเหรี่ยง ติด โควิด-19 หลังลอบข้ามแดนไปฝั่งเมียนมา
ตำรวจจัดวางกำลังและบริหารจัดการรักษาความสงบเรียบร้อย สำหรับดูแลผู้ชุมนุมของกลุ่มนักเรียนเลว วันนี้ตั้งแต่เวลา 11.00 น.-22.00 น. โดยพล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่จัดวางกำลังแบ่งเป็น 2 จุด คือช่วงแยกราชประสงค์ถึงราชดำริ เป็นพื้นที่ตำรวจนครบาล 5 ส่วนถนนพระรามที่ 1 มาถึงฝั่งห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เป็นพื้นที่ตำรวจนครบาล 6
โดยมีการกำหนดวางเงื่อนไขในการชุมนุมไว้ 4 ข้อ คือ
1.ควบคุมผู้ชุมนุมให้อยู่ในสี่แยกราชประสงค์ตามที่แจ้ง ไม่ให้เคลื่อนขบวนไปที่อื่น
2.ห้ามใช้ป้ายข้อความหมิ่นประมาทยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวาย
3.อนุญาตมาใช้เครื่องขยายเสียงตามที่กำหนดระดับเสียงสูงสุดไม่เกิน 115 เดซิเบล และไม่เกิน 70 เดซิเบลตลอดการชุมนุม
4.การชุมนุมต้องเป็นไปอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ ไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีและละเมิดสิทธิผู้อื่น
ส่วนกรณีนักวิชาการออกมาเปิดเผยว่า น้ำที่ฉีดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมมีการผสมสารถึง 5 ชนิดนั้น พล.ต.ต ปิยะ เปิดเผยว่าอุปกรณ์ที่ใช้ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีและยึดตามมาตรฐานสากลจริง ส่วนการผสมสารเคมีเป็นด้วยระบบเทคโนโลยี เจ้าหน้าที่เป็นผู้นำไปใส่ไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ ต้องผสมตามสัดส่วน เทียบได้กับ แทงค์สีปริ้นเตอร์ ยืนยันว่าตำรวจซึ่งเป็นต้นทางและนักข่าวรวมถึงผู้ชุมนุมที่เป็นปลายทางก็ได้รับอันตรายเท่าๆ กัน
ส่วนประเด็น ชายชุดชมพู ที่ตำรวจระบุก่อนหน้านี้ยืนยันว่าเป็นคนของกลุ่มการ์ดราษฎร วันนี้ พล.ต.ต.ปิยะ ระบุว่าจากการสอบสวน ยืนยันหลักฐานจากภาพที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดพบชายคนดังกล่าวอยู่ในกลุ่มการ์ดคณะราษฎร ยืนยันว่าไม่ได้ชี้นำ หรือด่วนสรุป ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามตัวชายชุดชมพู มาสอบสวน
ส่วนกรณีนักวิชาการออกมาเปิดเผยว่า น้ำที่ฉีดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมมีการผสมสารถึง 5 ชนิดนั้น พล.ต.ต ปิยะ เปิดเผยว่าอุปกรณ์ที่ใช้ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีและยึดตามมาตรฐานสากลจริง ส่วนการผสมสารเคมีเป็นด้วยระบบเทคโนโลยี เจ้าหน้าที่เป็นผู้นำไปใส่ไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ ต้องผสมตามสัดส่วน เทียบได้กับ แทงค์สีปริ้นเตอร์ ยืนยันว่าตำรวจซึ่งเป็นต้นทางและนักข่าวรวมถึงผู้ชุมนุมที่เป็นปลายทางก็ได้รับอันตรายเท่าๆ กัน
ส่วนประเด็น ชายชุดชมพู ที่ตำรวจระบุก่อนหน้านี้ยืนยันว่าเป็นคนของกลุ่มการ์ดราษฎร วันนี้ พล.ต.ต.ปิยะ ระบุว่าจากการสอบสวน ยืนยันหลักฐานจากภาพที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดพบชายคนดังกล่าวอยู่ในกลุ่มการ์ดคณะราษฎร ยืนยันว่าไม่ได้ชี้นำ หรือด่วนสรุป ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามตัวชายชุดชมพู มาสอบสวน
เมื่อถามถึงข่าวลือการออกหมายจับผู้ชุมนุมวันที่ 17-18 พ.ย.ในข้อหาตาม ม.112 พล.ต.ต.ปิยะ เปิดเผยว่าหากมีการกระทำผิดเข้าข่ายข้อใด พนักงานสอบสวนก็จะออกหมายเรียก หากมีพฤติกรรมหลบหนีก็จะขอหมายจับ ยืนยันว่า ม.112 ยังคงบังคับใช้ได้อยู่ เพราะเป็นสถาบันที่ทุกคนเคารพรัก ตำรวจคงไม่หนักใจ แต่ยืนยันว่าเป็นการปฏิบัติตามกรอบกฎหมาย ยึดหลักนิติรัฐ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ควบคู่กันไป อะไรที่จะลุกลามบานปลายเราจะถอย 1 ก้าว ใครทำผิดต้องถูกดำเนินคดี แม้ไม่จำเป็นต้องเข้าจับกุมในที่เกิดเหตุทันที แต่จะออกหมายเรียกหรือหมายจับภายหลังได้ ซึ่งพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.เน้นย้ำเสมอให้อดทนและยึดหลักกฎหมาย อะไรเกิดขึ้นก็ต้องยอมรับ