"สิระ" ขู่ ส.ส.ลงชื่อญัตติสถาบัน เจอม.112
สิระ โชว์แหนบลั่น“เอาไปถอนหงอกฝ่ายค้าน”
วันนี้ 16 ก.พ. 2564 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ นำโดย นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาล นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. ลุกขึ้นหารือถ้อยคำในญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจที่มีถ้อยคำเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตรย์มาเกี่ยวข้องกับการเมือง
โดย นายสิระ ลุกขึ้นหารือว่า ในการหารือที่มีนายชวนเป็นประธาน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านรับปากจะแก้ไขญัตติที่จะไม่นำสถาบันมายุ่งการเมือง แต่หลังจากออกนอกห้อง ปรากฏว่าไม่มีการแก้ไข ผู้นำฝ่ายค้านได้รับโทรศัพท์จากดูใบ ท่านถูกแทรงแซงจากต่างประเทศ ทำให้ตนรับไม่ได้
ด้าน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่าการยื่นญัตตินั้นเป็นการหารือร่วมกับหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านทุกพรรคจนได้ข้อสรุปออกมา
จากนั้น นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทน กล่าวชี้แจงในตอนหนึ่งว่า เมื่อญัตติเสนอเข้ามาเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐสภา และ รองประธานสภาฯได้ตรวจสอบ และ ประชุมฝ่ายกฎหมาย โดยประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถาบันนั้นเราได้ยึดตามมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญปี 2560 แต่ญัตตินี้ดูแล้วไม่มีข้อความเกี่ยวข้องกับสถาบัน แต่เป็นการกล่าวหารัฐบาลอย่างรุนแรงเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ตนเองจึงอยากให้ปรับปรุงข้อความนี้เพราะตนมีความปรารภนาดีกับทั้ง 2 ฝ่าย ตนเองไม่ต้องการให้ทั้ง 2 ฝ่ายเป็นจำเลยของประชาชน ตนบอกว่าถึงไม่ปรับปรุงก็บรรจุญัตตินี้เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถาบัน ดังนั้น ญัตติถูกต้องตามข้อบังคับและมีสิทธิที่ฝ่ายค้านจะอ่านได้ ใครประท้วงก็ได้เป็นสิทธิของท่าน และ รัฐบาลก็มีหน้าที่ที่จะชี้แจง ถ้ามติใดกล่าวหาล่วงล้ำมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญเป็นการละเมิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ผู้นั้นนอกจากไม่มีสิทธิอภิปรายแล้วก็จะต้องเป็นจำเลยของประชาชนด้วย ญัตตินี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เคยมีสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นอภิปราย นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี มาแล้ว
นายชวน กล่าวอีกว่า “ รัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดให้มีการประชุมปีละ 2 สมัย และรัฐธรรมนูญก็อนุญาตให้อภิปรายไม่ไว้วางใจได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น จึงไม่ใช่เรื่องเล่นๆและสภาแห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่ใครโกหกเก่งคนนั้นชนะ ผมจึงเรียนว่าเราเปิดโอกาสให้ผู้อภิปรายได้อภิปราย และ เปิดโอกาสให้รัฐบาลได้ชี้แจง”
“ผมเป็นตัวแทนของประชาชนอยู่ในกระบวนการประชาธิปไตย ผมรักและศัทธาในระบบนี้ เป็นระบบให้โอกาสชาวบ้านอย่างเราได้ขึ้นมามีสิทธิตัดสินใจต่ออนาคตบ้านเมือง ข้างนอกจะเป็นอย่างไรก็ตามแต่ในนี้เราจะต้องรักษาระบอบประชาธิปไตยอันทรงมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้ได้”