จากกรณีที่ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล โอนย้ายจากตำแหน่ง ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กลับมาเป็น ที่ปรึกษา(สบ9) เทียบเท่าผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นการย้ายกลับมาในตำแหน่งสูงขึ้น หลังจากถูกสั่งย้ายพ้นสำนักงานตำรวจอแห่งชาติ ขณะมีตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
เปิดประวัติ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ดาวรุ่งพุ่งแรงสู่หนทางวิบากเอี่ยวเว็บพนัน
ล่าสุดราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการพลเรือนสามัญพ้นจากตำแหน่งและแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ซึ่งคณะกรรมการข้าราชการตำรวจมีมติเห็นชอบให้รับโอนมาบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่งสำนักนายกรัฐมนตรีและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 9) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2564
หลังจากคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีมติรับโอนเป็นตำรวจ เมื่อ 17 มี.ค. 64 โดยแต่งตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งเป็น ที่ปรึกษา(สบ9) ทำหน้าที่ด้านยุทธศาสตร์ เทียบเท่าผู้ช่วยผบ.ตร. โดยให้เป็นตำแหน่งเฉพาะตัว หมายความว่า เมื่อย้ายพ้นตำแหน่ง ตำแหน่งนี้จะถูกยุบไป ไม่สามารถแต่งตั้งทดแทนได้
ขณะที่มีรายงานว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จะเดินทางมารายงานตัวกับพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในช่วงเช้า วันพรุ่งนี้(30 มีนาคม) คาดว่า ผบ.ตร. จะมอบหมายหน้าที่ให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ รับผิดชอบ ภายหลังการเข้ารายงานตัวแล้ว
อย่างไรก็ตามในอดีต สำนักงานตำรวจแห่งชาติเคยรับโอนนายตำรวจที่โอนย้ายไป กลับมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำรงตำแหน่งในระดับสูงขึ้น ในตำแหน่งเฉพาะตัว เหมือนกรณี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หรือ บิ๊กโจ๊กมาแล้ว
โดยครั้งนั้น พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร.โอนย้ายไปเป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และโอนย้ายกลับมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในตำแหน่งที่ปรึกษา(สบ11) ซึ่งเป็นตำแหน่งเฉพาะตัว ซึ่งตำแหน่ง ที่ปรึกษา (สบ11) นั้นเทียบเท่า ผบ.ตร.