“จตุพร” ลั่น พร้อมลาออกประธานนปช. หาก “ณัฐวุฒิ​” ร่วมม็อบราษฎร


โดย PPTV Online

เผยแพร่




“จตุพร” ประกาศ พร้อมลาออกประธานนปช.ส่งไม้ต่อ “ณัฐวุฒิ” หากร่วมม็อบราษฎร ยัน ชุมนุม 4 เมษา ทำถูกกฏหมาย ย้ำ ไม่เคยย้ายข้างไปอยู่กับ “พล.อ.ประยุทธ์”

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk โดยประกาศคำมั่นสัญญาจะลาออกประธานนปช.ทันที เมื่อนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เข้าร่วมนำชุมนุมตามแถลงจุดยืนเคียงข้างนักศึกษา-กลุ่มราษฎร  

"ณัฐวุฒิ" ประกาศเคลื่อนไหวหนุน ม็อบราษฎร

นายจตุพร ย้ำหลายครั้งระหว่างเฟชบุ๊คไลฟ์ในหัวข้อ “ถึงณัฐวุฒิและตอบประยุทธ์และพวก” กรณี นายณัฐวุฒิ แถลงข่าวหลังถอดกำไล EM พ้นโทษและมีอิสรภาพสมบูรณ์ ว่า เมื่อตนรับคำชวนของนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานญาติวีรชนพฤษภา 2535 อีกทั้งเห็นเป็นสิ่งถูกต้องที่จะต่อสู้อีกครั้ง เพราะไม่อาจให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยู่บริหารประเทศชาติได้อีกต่อไป

ทั้งนี้กว่า 15 ปีที่ผ่านมานั้น ทุกองค์กรภาคประชาชนล้วนมีบาดแผลมากมาย แต่คนที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือ ตัวประยุทธ์และคณะ ดังนั้น แต่ละองค์กรมีประวัติศาสตร์และความสูญเสียจึงไม่นำองค์กรไปเกี่ยวข้อง เนื่องจากต้องการให้เป็นการต่อสู้ของปัจเจกชน และหากไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้ไล่ประยุทธ์แล้ว คณะของประยุทธ์จะอยู่ต่ออีกอย่างน้อย 6 ปี เป็นที่ชัดเจนว่า รองหัวหน้า พปชร. แถลงเสนอแก้ รธน.เป็นรายมาตรา แต่ไม่แตะต้องอำนาจ สว.โหวตเลือกนายกฯดังนั้นเป็นที่ชัดเจนว่า ประเทศเดินต่อไม่ได้ ตนจึงมองเห็นและเชื่อมั่นว่า ประยุทธ์ เป็นศูนย์กลางของปัญหาชาติอย่างแท้จริง ซึ่งคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้

นายจตุพร กล่าวว่า เพื่อความสบายใจของประชาชน มวลชน และพี่น้องทั้งหลาย รวมทั้งไม่ให้เกิดการเสี้ยมกันอีก เมื่อณัฐวุฒิพูดผ่านมา ตนจึงขอสื่อความ พูดผ่านไปในพื้นที่สาธารณะเช่นกัน

“เอาเป็นว่า ถ้าวันใดที่ณัฐวุฒิไปยืนหยัดเคียงข้างกับบรรดาน้องๆ นักศึกษา กลุ่มราษฎร เฉกเช่นอยู่ในสมรภูมิเดียวกับอานนท์ นำภา ไผ่  รุ้ง เพนกวิน เหมือนกับที่ณัฐวุฒิยืนหยัดเคียงกับผมในปี 2553 วันไหนก็วันนั้น ผมจะประกาศลาออกจากตำแหน่ง ประธานนปช. และยกให้ณัฐวุฒิไป ส่วนจะมีขบวนการอย่างไรก็ว่ากัน แต่นี่เป็นคำมั่นสัญญา” นายจตุพร กล่าว

“ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ขึ้นอันดับ 1 คำค้นหาในกูเกิ้ล หลังแถลงเปิดใจ

รวมทั้งย้ำว่า ไม่ว่าวันใดเมื่อเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า ถ้าณัฐวุฒิได้ไปร่วมกับขบวนการคนหนุ่มสาว อย่างที่ตนเคยร่วมกันในเหตุการณ์พฤษภา 35 โดยช่วงนั้น ตนได้รับจดหมายและโทรศัพท์ผ่านเครื่องมือถือของคนอื่น แล้วนำมาให้ตนพูดสาย และมีคนพูดตามสายว่า “ขอให้กำลังใจ ขอยืนหยัดเคียงข้าง สนับสนุนการต่อสู้ แต่ไม่รู้เขาอยู่ที่ไหน เรื่องนี้ตนมักนำมาเล่าให้ผู้คน นักประชาธิปไตยใน พ.ศ.นั้นรับทราบว่า เราอาจต้องเดี่ยวดาย แม้ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยถูกฆ่าที่ราชดำเนินมาแล้ว แต่เราคงใช้รามคำแหงเป็นเรือนตาย โอกาสชนะเป็นศูนย์ แต่ยังมีความหวังอยู่

“ผมไม่ต้องการให้เกิดปัญหาในความรู้สึกว่า ใครสู้มากกว่ากัน แต่เป็นความปรารถนาดีของพี่ชายคนหนึ่งถึงน้องชาย เอาง่ายๆไม่สลับซับซ้อน ผมตรงไปตรงมาว่า คำว่ายืนหยัดเคียงไม่ทิ้งกันเป็นคำที่มีความหมายมาก ดังนั้น ถ้าวันใดที่ณัฐวุฒิอยู่ในสนามของคนหนุ่มสาวคณะราษฎร เสมือนอานนท์ นำภา และคณะ ผมจะลาออกจากประธาน นปช.ให้โดยทันที และมอบให้ณัฐวุฒิ รับภารกิจนี้ไป” นายจตุพร กล่าว

ส่วนมีคำถามว่าที่ผ่านมาทำไมไม่ลาออกจาก ประธานนปช.นั้น นายจตุพร กล่าวว่า เนื่องจากที่ผ่านมามีการกล่าวหาตนย้ายขั้วสลับข้าง ไปอยู่กับประยุทธ์ เป็นพวกเผด็จการและสังกัดพรรค พปชร. ซึ่งเป็นความเท็จ จึงไม่ลาออกตามความเท็จนั้น เพราะถ้าทำตามคำเท็จแล้ว ตนก็ไม่ใช่คน ตนจะใช้ความชั่วมาจัดการไม่ได้ แต่ที่แพ้เสมอนั้นมาจากพวกความชั่วมาในคราบคนดี ตนจึงแพ้ความดี ตลอดจนการใช้ข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จว่า ทรยศคนเสื้อแดง รวมถึงตนเสนอให้ยกเลิก นปช.นั้น ไม่ได้ให้ยกเลิกคนเสื้อแดง 

“แต่ผมบอกให้ไปรวมกับราษฎรในวันที่กระแสนักศึกษากำลังลง ซึ่งผมพูดชัด แต่ถูกตีความว่า รับงานรัฐบาลมาสลายคนเสื้อแดง ย้ายขั้วสลับข้างแล้ว และขยายผลไปทำโพล 99.9 % ไล่ออก ซึ่งพอๆกับความนิยมของประยุทธ์ ขณะยึดอำนาจ ทั้งที่เป็นการปั้นเรื่อง แต่งความเท็จ 100% ผมอดทนรอคอยได้ เพราะรู้ว่านั่นเป็นความเท็จ และความจริงผมไม่ได้ไปไหน”

นายจตุพร กล่าวว่า ตนพยายามอธิบายแต่ไม่ยอมฟังกัน ตนรู้ดีว่ามีโอกาสสู้ได้อีกครั้ง ทั้งที่มีต้นทุนด้านอิสรภาพต่ำ ดังนั้นหนึ่งครั้งในการต่อสู้จึงต้องมีความหมาย และไม่เสียของ กระทั่งนายอดุลย์ มาชวน ตนจึงเห็นว่า หนึ่งครั้งในการต่อสู้มาถึงแล้ว และพูดเสมอว่า แม้ไม่ได้ชักดาบเป็นคนแรก แต่ขอเก็บดาบไว้สู้เป็นคนสุดท้าย สิ่งสำคัญตนมองว่า ปัญหาทุกอย่างอยู่ที่ประยุทธ์ 

“นั่นเป็นเสรีภาพ ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องมองเหมือนกัน และความแตกต่างกันเป็นสิ่งสวยงาม อีกอย่างระหว่างรอณัฐวุฒิ นำการต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหลกับน้องๆ ระหว่างนี้ผมขอใช่เวลาไล่ประยุทธ์ก่อน” 

ส่วนมีหลายคนได้ถากถางว่า วันที่ 4 เม.ย.ไม่มีใครไปร่วมนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ดูถูกให้กันมากๆเอาไว้ ทั้งที่ตนพูดว่า ถ้าคนไม่เห็นด้วยกับตน และประชาชนแต่ละภาคส่วน ที่ถูกชวนจากนายอดุลย์ เราต้องพิจารณาตัวเอง หากใช้การจัดตั้งระดมคนมาอย่างเป็นระบบเช่นในสมัยก่อนนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก ซึ่งตนไม่ต้องการ เพราะตนต้องการรู้ว่า คนไทยจะรับได้หรือไม่ ถ้าประยุทธ์ จะอยู่ต่ออีก 6 ปีเป็นอย่างน้อย

“ผมจะถามหามาตรฐานของคนไทยที่ไม่ให้โอกาส พล.อ.สุจินดา คราประยูร (แกนนำคณะยึดอำนาจเมื่อกุมภาพันธ์ 2534) ซึ่งโกหกเพียงครั้งเดียว แล้วคนไทยไล่เลยว่า เสียสัตย์เพื่อชาติ ว่าเขาตระบัดสัตย์ ส่วนประยุทธ์ ตระบัดสัตย์กี่ครั้งแล้ว ทำไมคนไทยให้โอกาสประยุทธ์ ไม่ให้โอกาสพล.อ.สุจินดา สิ่งนี้เป็นมาตรฐานทางความรู้สึก”

ดังนั้น ใน พ.ศ.นี้ไม่แตกต่างกัน ประเทศยังอยู่จุดเดิม เผด็จการต้องการสืบทอดอำนาจตาม รธน. และเหมือนเดิมทุกประการ ไม่มีเปลี่ยนแปลง เมื่อนายอดุลย์ มีลูกไปตายในเหตุการณ์ต่อสู้พฤษภา 35 และอยากเห็นบ้านเมืองกลับคืนสู่สิ่งที่ควรจะเป็น ตนเป็นคนในเหตุการณ์นั้นเช่นกันและไม่ตาย จึงต้องร่วมเพื่อทำความสุขให้เกิดขึ้นกับเขาและบ้านเมือง

อีกอย่าง มีการตั้งข้อกล่าวหาตนมากมาย เมื่อ 3 เดือนที่แล้วกล่าวหาว่า ตนรับงานพรรค พปชร. แล้วคราวนี้ยังกล่าวหาว่า รับงานจาก ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ทั้งที่เป็นตัวเองมาตลอดชีวิต ประกอบกับในปี 2535 ตนประกาศลุกขึ้นสู้ที่ ม.รามคำแหงทั้งที่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเพียง 4,000 บาทจากการขายเสื้อ และมีโทรโขงหนึ่งตัวก็สู้และได้สู้มาแล้ว

วันนี้เช่นเดียวกัน มันไม่ใช่เรื่องของใคร แต่คนชักชวนมีเพียงคนเดียวคือนายอดุลย์ และบรรดาญาติพฤษภาที่ผูกพันกัน ดังนั้น เพื่อไม่ให้มีปัญหาระหว่างกัน และขอสื่อความให้เข้าใจตรงกันตามวิสัยลูกผู้ชายว่า วันไหนณัฐวุฒิได้ลงในสนาม เช่นเดียวกับนายอานนท์ นำภา และคณะ นายจตุพรจะลาออกจากประธาน นปช.โดยไม่ชักช้า และส่งไม้มอบต่อกับณัฐวุฒิ และระหว่างที่รอนี้ ตนของไปไล่ประยุทธ์ ก่อน เพื่อไม่ให้เกิดการยุแหย่ว่า ใครเหนือกว่าใคร แล้วทะเลาะกันเอง

“ผมไม่ต้องการทะเลาะกับใคร และนี่เป็นความสบายใจของทุกฝ่ายว่า วันไหนก็วันนั้น ว่าณัฐวุฒิไปร่วมราษฎรวันไหนก็ลาออกให้วันนั้น ถ้าไปร่วมวันนี้ก็ลาออกให้วันนี้ ถ้ายังไม่ไป วันที่ 4 เม.ย.นี้ผมของไล่ประยุทธ์ ก่อน”

นายจตุพร ย้ำว่า วันนี้ตนลุกขึ้นมาไล่ประยทธ์ แล้วพวกที่กล่าวหาตนย้ายขั้วสลับข้างจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไรบ้าง ดังนั้น ขบวนการเลวทรามต่ำช้านี้ไม่ควรเกิดขึ้นในขบวนการต่อสู้ของประชาชน โดยตนตรงไปตรงมา และนี้เป็นทอดไมตรีอย่างชัดเจน ส่วนตัวเป็นพี่น้องกัน แต่เพื่อความสบายใจ ไม่ต้องการให้ใครนำไปขยายความตู่-เต้นอีก

"จตุพร"ใช้"พฤษภา 35 โมเดล"ไล่"ประยุทธ์"

“ไม่มีใครรู้จักกันดีเท่ากับผมกับเขาหรอก ดังนั้นไม่มีอะไรสลับซับซ้อนเลย เป็นความตั้งใจอย่างบริสุทธิ์ใจ วันไหนก็วันนั้น และผมเชื่อว่า เขาจะไปร่วมแสดงจุดยืนกับคนหนุ่มสาวในสนามการต่อสู้ นี่เป็นความมั่นสัญญา เพื่อความสบายใจ ไม่ต้องปั่นให้ทะเลาะกันอีก ยิ่งทะเลาะกันมาก ประยุทธ์ ก็ยิ่งอยู่นานเท่านั้น และทุกอย่างก็เพื่อประยุทธ์ อีก”

รวมทั้งกล่าวว่า ถ้าเราจะทะเลาะกันเองอีก ย่อมแปลความว่า เราต้องการให้ประยุทธ์ อยู่ต่ออีก 6 ปี ดังนั้น ช่วงเวลาที่รอให้ณัฐวุฒิ ไปร่วมกับคณะราฎร ซึ่งจุดยืนเคียงข้างกัน มันมีความหมายสำหรับตน แต่ระหว่างนี้ตนขอไล่ประยุทธ์ ก่อน ด้วยเหตุผลอย่างตรงไปตรงมา 

ส่วนประยุทธ์ บอกไม่กังวลม็อบใหญ่ 4 เม.ย.ขออย่าทำผิดกฎหมายนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ประยุทธ์ให้ฟังตนดีๆ เพราะเวทีที่อนุสรณ์สถานพฤษภา 35 นั้น ทางญาติพฤษภาได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครบถ้วน และการชุมนุมยังตั้งมั่นอยู่ในพื้นที่ 

อย่างไรก็ตาม งานวันที่ 4 เม.ย.นั้น เป็นลักษณะกึ่งเสวนา กึ่งปราศรัย และไม่มีการเคลื่อนออกไปเผชิญหน้า แต่อยู่ในที่ตั้ง อีกทั้งบุคคลที่มาร่วมเสวนาหลายคน เป็นคนที่สนับสนุนประยุทธ์ มาแล้ว อีกทั้งหลายคนก็ไม่เคยสนับสนุนประยุทธ์ แต่ทุกคนเห็นตรงกันว่า ประยุทธ์ เป็นศูนย์กลางของปัญหา

'จตุพร' ชี้ 'ม็อบ 3 นิ้ว' ถูกผลักไส ซัดรัฐบาล ได้ทำหน้าที่ด่านหน้าป้องสถาบันฯหรือไม่ ทำนายเลือดจะนอง...

อย่างไรก็ตาม ในงาน 4 เม.ย.จะเป็นการฉายปัญหาทุกมิติอย่างวิญญูชน ทั้งเรื่องพลังงาน ทุนผู้ขาดกินรวบ เรื่องรัฐธรรมนูญ และการสืบทอดอำนาจ เป็นต้น ดังนั้น เวทีนี้เป็นเวทีที่ให้เหตุผล และต้องการพูดให้ประยุทธ์ ฟังด้วยมธุรสวาจา ไม่มีถ้อยคำด่าทอ ไม่มีความโกรธเคืองใดๆกับประยุทธ์  

ส่วนเหตุการณ์ในปี 2553 นั้น ประยุทธ์ คงรู้ดีที่สุดว่า ความตายเกิดขึ้นมาจากอะไร และแต่ละองค์กรล้วนมีประวัติศาสตร์ของตัวเอง ดังนั้นจึงต้องออกมาร่วมกันในสถานะปัจเจก เพื่อไม่ให้ประยุทธ์ ได้อยู่ต่ออีก 6 ปี หรืออาจมากถึง 10 ปี 

ดังนั้น ตนจึงต้องยอมเจ็บ และคงถูกเล่นงานหลายเรื่อง ส่วนที่ประยุทธ์ กังวลเหตุการณ์ 2553 ซึ่งขณะนั้นประยุทธ์ เป็นคนมีความสำคัญในเหตุการณ์นั้น ส่วนด้านกฎหมาย บอกได้ว่า ได้ปฏิบัติครบถ้วน 

“วันนี้สิ่งที่สำคัญ ถ้าประยุทธ์ สะกดคำว่าเสียสละเป็น สะกดคำว่ารักษาสัตย์ ไม่ใช่ตระบัดสัตย์เป็น ประเทศไม่เป็นแบบนี้หรอก และสิ่งที่ประยุทธ์ เป็นหว่ง ผมยืนยันได้ว่า ไม่เคลื่อนออกไปไหน จะอยู่ที่หน้าอัฐิและดวงวิญญาณวีรชนพฤษภา 35 อีกทั้งได้แจ้งฝ่ายกฎหมายครบถ้วนไม่มีปัญหาทั้งสิ้น”

ส่วนนายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี สมาชิกพรรคพปชร. และนายอานนท์ แสนน่าน ซึ่งกล่าวหาใส่ร้ายมาต่อเนื่องนั้น นายจตุพร กล่าวเพียงสั้นๆว่า ให้หาความสำราญตามสบายได้ พร้อมย้ำว่า ในวันที่ 4 เม.ย.ถ้าพี่น้องไม่ทนต่อประยุุทธ์ มาร่วมกัน ส่วนวันไหนณัฐวุฒินัดไป พี่น้องก็ไปกับเขา 

“จตุพร” ยอมรับ แกนนำนปช. แยกกันกว่า 2 ปี แต่ยังเป็นพี่น้องกัน

 

 

 

TOP การเมือง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ