น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถามกลับไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าถ้าหากเจอกันอีกครั้ง "พล.อ.ประยุทธ์" จะยังคุยอยู่หรือเปล่า โดยการถามตอบนี้เกิดขึ้นในการไลฟ์พูดคุยครั้งแรกของ "น.ส.ยิ่งลักษณ์" ใช้เวลาประมาณ 45 นาที เนื้อหาส่วนใหญ่ เป็นเรื่องการใช้ชีวิตส่วนตัว และตอบคำถามถึงประเด็นการเมือง เศรษฐกิจ รวมถึงวิกฤตโควิด-19 ที่รอดมา 2 ครั้ง หลังจากที่อยู่ใกล้ชิดกับพี่ชาย คือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
แบงก์ชาติรัสเซีย ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 20% หวังสกัดค่าเงินรูเบิล ร่วงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
เกาหลีใต้-สิงคโปร์ คว่ำบาตรรัสเซีย
และยังมีคำถามสำคัญด้วยว่า ยังอยากเป็น "นายกรัฐมนตรี" อีกสมัย หรือไม่ ทำให้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ถามกลับว่าหมดยุคของตัวเองหรือยัง เพราะอายุเลย 50 ปีแล้ว ถือว่าใกล้ปลดระวาง แต่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน ก็อยากช่วยเหลือประชาชน และประเทศไทยที่เป็นบ้านเกิด ก่อนระบุว่าวันนี้น่าจะเป็นเรื่องของคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ และไม่ใช่ว่าจะเอาใครก็ได้มาเป็นนายกฯ
ขณะที่ช่วงเย็นที่ผ่านมา นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เป็นคนแรก ที่ออกมาตอบโต้การไลฟ์ครั้งแรกของ น.ส.ยิ่งลักษณ์โดยบอกว่า หากจะช่วยประเทศก็ขอให้สงบปากสงบคำ และจากเนื้อหาทั้งหมดก็ฟังดูน่าสงสารเพราะออกไปอยู่ต่างประเทศกว่า 4 ปี และคิดว่าถ้าไม่กลับมารับโทษ ก็คงอยู่เช่นนี้ตลอดไป
ส่วนที่ท้าทาย "พล.อ.ประยุทธ์" ว่าถ้าเจอหน้าจริง ๆ จะกล้าคุยหรือไม่ นายเสกสกล ได้ตอบแทน พล.อ.ประยุทธ์ ว่า "ชายชาติทหารอย่างนายกฯ ไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว"
อีกด้านหนึ่งหลังน.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกมาเคลื่อนไหวยังไม่ทันข้ามวัน ก็มีความคืบหน้าของ ป.ป.ช. ในคดีค้างเก่า ของ น.ส. ยิ่งลักษณ์กับพวก ซึ่ง นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าคดีที่ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลไปแล้ว 2 คดี คือ กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับพวก ใช้อำนาจโอน นายถวิล เปลี่ยนศรี จาก "เลขาธิการ สมช." ให้มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำโดยมิชอบ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และกรณีที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กับพวกพัวพันกับข้อกล่าวหาเอื้อประโยชน์บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด โดยทั้ง 2 คดี เบื้องต้นอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้อง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 แล้ว