คนแรก ไปที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. วันนี้ ป้ายหาเสียงของ พล.ต.อ.อัศวิน มีป้ายสีแดงถูกคาดทับ พร้อมข้อความว่า ปิดจ๊อบคนจนเพื่อคนกรุงเทพ และ หยุดลังเลแล้วเทให้เบอร์ 6
หากวิเคราะห์จากป้าย “ปิดจ๊อบความจน” สะท้อนว่าชูเรื่อง การแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ตามที่เคยระบุไว้ ส่วน ป้าย “หยุดลังเล” ถูกมองว่า เป็นการสื่อสารถึง ประชาชนที่เคยสนับสนุน ประชาธิปัตย์และพลังประชารัฐ ตามที่มีการวิเคราะห์ว่า พล.ต.อ.อัศวิน อาจตัดคะแนนกันเองกับ นายสกลธี และ นายสุชัชวีร์
วิเคราะห์จุดเด่นว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.
ชำแหละ"กองหนุน"ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.
ที่น่าสนใจ คือ นายสกลธี ก็ผุด วลีเด็ด “หยุดลังเล” เทคะแนนให้สกลธี ออกมาใช้เหมือนกัน นี่อาจสะท้อนว่า ขั้วการเมืองฝั่งนี้ กังวลเรื่องการลังเล ว่าจะเลือกใคร
ส่วนนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครอีกคน เท่าที่ทีมข่าวไล่ดูยังไม่พบ วลีใหม่ที่นำออกมาสื่อสาร ยังคงใช้ วลี กรุงเทพเราเปลี่ยนได้ อยู่ แต่ผู้สื่อข่าวที่ตามติด บอกว่า ช่วงนี้ นายสุชัชวีร์ พูดคำว่า “ตำแหน่งผู้ว่าฯ ไม่ใช่ตำแหน่งที่จะมาเล่นการเมือง บ่อยขึ้นมาก
ส่วนนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ประกาศวลี ว่า จะแค่เปลี่ยนคน หรือ เปลี่ยนเกม ซึ่งแปลความหมายได้ว่า เป็นการตั้งคำถามถึงคนกทม. ว่า อยากจะเปลี่ยนแค่ตัวผู้ว่าฯกทม. หรือ อยากเปลี่ยนเกมการเมือง วลีนี้ถูกประเมินได้ว่า ฟาดฟันทุกคนที่เป็นคู่แข่ง
คนถัดไปที่ คือ คนที่ถูกจับตามอง เพราะ ผลโพลนำมาตลอด แต่เจ้าตัว นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มักแสดงออกว่า ไม่มั่นใจ ล่าสุด เปิดวลี “เราไม่ได้นอนมา” คล้ายตอกย้ำ ผู้สนับสนุนว่า อย่า ชะล่าใจ
ส่วนคนที่ออกเปิดวลีเด็ด ฟาด นายชัชชาติ จนกลายเป็นที่ฮือฮา คือ นางรสนา โตสิตระกูล ปราศรัยเมื่อวาน(19พ.ค.) บอกว่า ถ้าไม่เลือกรสนา ชัชชาติมาแน่ สร้างความตกใจ และ แปลกใจมาก ว่าทำไม คุณรสนา เคลื่อนไหวดุเดือด
ล่าสุดเจ้าตัวชี้แจงว่า ไม่ได้เป็นการใส่ร้าย นายชัชชาติ แต่ที่พูดไปเพราะต้องการตอบโต้ ผลโพลต่าง ๆ ที่ชี้นำ ว่าเลือกตนเองแล้วคะแนนตกน้ำ
ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์และประเมินกันว่า การเลือกตั้งรอบนี้ เราจะได้เห็นวลีดัง ไม่เลือกเราเขามาแน่ หรือไม่ วันนี้ คุณเสถียร ไปคุย กับ อ.สติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า อธิบายถึงแคมเปญช่วงสุดท้าย ว่า ครั้งนี้เปลี่ยนไปจากเดิม ไม่เหมือนปี 2556 ที่ พรรคประชาธิปัตย์ ใช้วลี “ไม่เลือกเรา เขามาแน่” เป็นฉายภาพความหวาดกลัวระบอบทักษิณ แต่ในยุคนี้ ถ้าจะบอกว่าไม่เลือกเรา ชัชชาติมาแน่ อ.สติธร เชื่อว่า ไม่น่าจะได้ผลเพราะคุณชัชชาติ ไม่ได้มีภาพลักษณ์น่าหวาดกลัว และ ความขัดแย้ง เกลียดชังเริ่มซาลง
อ.สติธร คาดการณ์ว่า ผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.รอบนี้ อาจคล้ายกับผลการเลือกตั้งซ่อมเขตหลักสี่ เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เพราะมีหลายปัจจัยที่เหมือนกันคือโครงสร้างประชากรเขตหลักสี่ ที่ใกล้เคียงกับกทม.ใหญ่ คือมีทั้งเขตทหาร บ้านจัดสรร ชุมชนแออัด และความรู้สึกคนที่เริ่มเบื่อรัฐบาลที่อยู่ในอำนาจมายาวนาน ทำให้ตอนนั้นกลายเป็นพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล สองพรรคในปีกเดียวกันแข่งกันเอง ทิ้งห่างพรรคพลังประชารัฐ หรือไทยภักดี ซึ่งเป็นฝ่ายขวาชัดเจน สนามกทม.ก็อาจจะลงเอยแบบนั้น
ส่วนกลุ่ม คนรุ่นใหม่ที่เป็นนิวโหวตเตอร์ อ.สติธร มองว่า เป็นกลุ่มที่ไม่ได้สัมผัสการเมืองในยุคทักษิณ แต่รู้จักคุณทักษิณในนามผู้ใหญ่ใจดีที่ชื่อคุณโทนี่ ฉะนั้น “เขา” ในวาทกรรมที่สร้างขึ้นจึงไม่ได้น่ากลัว ส่วน คำว่า “เรา” ในวาทกรรมนี้ ก็ไม่ได้มีแค่ 1 คน แต่มีมากถึง 4 คน ซึ่งยิ่งทำให้ไม่รู้ว่าจะเลือกใคร
