"พุทธิพงษ์" นำทัพ "ภูมิใจไทย" ฝ่ามรสุม "ชูวิทย์" ชิงเก้าอี้ ส.ส.กทม.


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ปิดไมค์ถาม "พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์" หัวหน้าทีม กทม. มั่นใจไม่เป็นปัญหา ถูก "ชูวิทย์" ไล่ตรวจสอบ "ภูมิใจไทย" เชื่อชื่อชั้น “อนุทิน” เหมาะนั่งนายกฯคนต่อไป

นาทีนี้ “ภูมิใจไทย” ถูกจับตาในฐานะพรรคการเมืองที่จะเป็นส่วนผสมสำคัญของการจัดตั้งรัฐบาล หลังการเลือกตั้ง 2566

หลายภูมิภาคทั่วประเทศ ถูกจับจ้องว่าอาจมีชื่อ “ภูมิใจไทย” เข้าไปปักธง ยึดที่นั่ง ส.ส.ที่ไม่ได้มีเพียงแต่โซนอีสาน แต่อาจรวมถึงภาคใต้ – กลางบางส่วน

อีกโซนที่สร้างความเซอร์ไพรส์ไม่แพ้กัน คือ กทม. ทั้ง 33 เขต ที่พรรคเอาจริงเอาจังกว่าทุกครั้ง และเป็นพื้นที่สำคัญที่พรรคไม่เคยมี ส.ส.เลยแม้แต่เก้าอี้เดียว

คอนเทนต์แนะนำ
เปิดสูตรพิสดาร "พลังธรรมใหม่" ฝันใหญ่ เลือกตั้ง 2566 โกย 1.5 ล้านเสียง
"จตุพร" ปลุก "อุ๊งอิ๊งค์" อย่าเป็นร่างทรงของใคร ลั่น “ทักษิณ” เป็นพ่อค้า ไม่ใช่นักประชาธิปไตย
เปิดจุดแข็ง อ่านจุดอ่อน "อุ๊งอิ๊งค์" จากมุม "ณัฐวุฒิ" ขุนพลข้างกายลูก "ทักษิณ"

ภาพของการเอาจริงเอาจัง มีชื่อ “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” อดีต รมว.ดีอีเอส – อดีตแกนนำ กปปส. เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการเลือกตั้ง กทม. 

ขณะที่การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 33 เขต มีอดีต ส.ส.ที่ผ่านการเลือกตั้ง 2562 รวม 8 ที่นั่ง ส่วนที่เหลือยังมีชื่อชั้นเป็นนักการเมืองท้องถิ่น – นักธุรกิจ – นักเคลื่อนไหวทางสังคมปรากฎตัวร่วมทัพด้วย

ทำให้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรค เดินหน้าตอกเสาเข็ม ยึด กทม.เป็นอีกหนึ่งฐานที่มั่น ประกาศตัวเป็นนายกรัฐมนตรี หากมีเสียงสนับสนุนมากพอ

ภารกิจนี้จะสำเร็จหรือไม่ การชิงเก้าอี้ ส.ส. กทม. จึงเป็นส่วนสำคัญไม่แพ้ภูมิภาคอื่น

ก่อนหน้านี้ “พุทธิพงษ์” ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “ปิดไมค์ถาม” ออกอากาศ เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2566 ที่ PPTV HD ช่อง 36
 
เขาบอกว่า คิดอยู่นานกว่าจะตัดสินใจร่วมงานกับพรรค เพราะ กทม.มีไม่กี่พรรคที่เป็นขาประจำ แต่สำหรับ “ภูมิใจไทย” ถือเป็นน้องใหม่ ที่หวังจะช่วยผลักดัน สร้างความเปลี่ยนแปลง เปิดทางเลือกใหม่ให้คน กทม.

ทุกคนบอกว่าผมบ้า ไม่มีใครเคยเห็น ไม่มีใครเคยคิดว่าภูมิใจไทยจะลุย กทม. แต่ผมคิดตรงกันข้าม ต่างจังหวัดเกือบทุกภาคมี ส.ส.จากภูมิใจไทย คนเลือกเพราะนโยบายเขาทำสำเร็จ จนเปลี่ยนใจคน ดังนั้นถ้าคน กทม.ต้องการคนทำงานได้จริง ลองเลือกใช้ภูมิใจไทยดูบ้าง

 

นอกจากความท้าทายในฐานะ ผู้เล่นใหม่ในสนาม กทม. นาทีนี้ “ภูมิใจไทย” ยังเผชิญหน้ากับรุกไล่ ลุยตรวจสอบจาก “ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์” เขาย้ำว่า ส่วนตัวไม่เคยมองนายชูวิทย์เป็นปัญหา และเชื่อว่าการตรวจสอบเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคน

“ไม่มีปัญหา หากจะเจาะมาที่ภูมิใจไทย แต่ดูกันด้วยเหตุผล เอาหลักฐานมาดุ ยื่นให้หน่วยงานที่ตรวจสอบ ส่วนพรรคก็มีหน้าที่ชี้แจง เมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้ว ทุกคนก็มีสิทธิ์ของแต่ละคน และต้องเคารพสิทธิ์กันและกัน ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ มาก้าวก่ายกัน ก็ไม่ได้”
 
“ผมก็เรียนตรงๆ ผมมีหน้าที่ของผม ก็ทำหน้าที่เสนอนโยบายหาเสียง ถ้าคุณชูวิทย์จะทำก็อยู่ในกรอบของตัวเอง ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามาก้าวก่ายผม เช่น ผมทำหน้าที่ของผม กำลังหาเสียง ถ้าเขามาขัดขวาง แบบนีมันไม่ใช่”

ขณะที่เรื่อง “กัญชาเสรี” ที่กลายเป็นนโยบายไม้เบื่อไม้เมา ทำให้พรรคถูกตั้งคำถามอยู่บ่อยครั้ง “พุทธิพงษ์” เห็นด้วยที่ไม่ควรนำกัญชาไปมอมเมาประชาชน แต่ควรสนับสนุนให้เกิดการใช้ทางการแพทย์ที่ถูกต้อง

เห็นใครสูบกัญชา ขายกัญชาจะๆ ตำรวจก็จับได้ เพราะเขาปลดออกจากยาเสพติด แต่ไม่ได้บอกว่า เอามาใช้เพื่อสันทนาการ วันนี้กฎหมายที่กำลังจะผ่านสภาก็มีปัญหา ใครเป็นคนที่ไม่ยอมผ่านกฎหมายมาคุ้มครองตรงนี้

 

“ผมเพิ่งเดินเข้ามาที่พรรค ขอให้คำยืนยังว่า หากมีเรื่องทุจริตคอร์รัปชันเรื่องกัญชา หากมีหลักฐาน แล้วผิดจริง ผมก็ต้องตัดสินใจพิจารณาตัวเองเหมือนกัน เพราะประวัติการทำงานของผมไม่เคยมีเรื่องเหล่านี้ ผมมาที่นี่ด้วยความตั้งใจว่าจะทำพื้นที่ กทม. เปิดโอกาสได้นำเสนอคนดีๆ มีคุณภาพ ให้ประชาชน” 

“ผมเชื่อว่าท้ายที่สุดคน กทม.จะมีเหตุผลว่า การทำอะไรสักอย่างที่เยอะเกิน ทำเกินกว่าความรู้สึกของเรา หากมันเยอะจนรู้สึกว่าไม่ปกติ คน กทม.ก็จะคิดได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้น มันใช่เหรอ”

เมื่อถูกถามในฐานะอดีต กปปส. ที่ปัจจุบันหลายคนแยกย้ายอยู่คนละพรรค และมีภารกิจทำพื้นที่ กทม.เช่นเดียวกัน “พุทธิพงษ์” ยืนยันว่า เป็นการเติบโตของแต่ละคน จบการเลือกตั้ง ก็เป็นเพื่อนกัน

“เมื่อการเมืองมีการต่อสู้ มีการเลือกตั้ง ไม่ใช่การต่อสู้รบราฆ่าฟัน เมื่อเลือกตั้งจบ เราก็เพื่อนกันเหมือนเดิม แข่งขันกันตามกรอบประชาธิปไตย จะดีเบต หาเสียง นำเสนอนโยบายก็ทำไป ถึงเวลาก็จบ เป็นเพื่อนกัน”

เมื่อถามถึงจุดยืน หากจำเป็นต้องร่วมรัฐบาลกับ “เพื่อไทย” เขาตอบว่า ส่วนตัวไม่แน่ใจ เพราะไม่เคยได้พูดคุยกับพรรคเพื่อไทย เป็นเรื่องที่ผู้บริหารพรรคต้องตัดสินใจ และต้องอธิบายให้สมาชิกเข้าใจว่าร่วมกับพรรคนี้ด้วยเหตุผลอะไร

“แน่นอนว่า ถ้าคุณทักษิณครอบงำพรรคเพื่อไทย ไม่ต้องมาถามผมหรอก ผิดกฎหมายอยู่แล้ว แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยมีจุดยืน คุณอุ๊งอิ๊งค์มีความชัดเจนเรื่องการทำงาน ก็เป็นสิทธิ์ของเขา เขาเป็นคนไทยคนหนึ่งที่อยากทำการเมือง ถ้าไม่มีการครอบงำ ตั้งใจทำงาน ไม่ใช่แค่เพื่อไทย ผมว่าทุกพรรคก็จับมือกันได้หมด ถ้าไม่ได้เอาตัวบุคคลที่ก่อให้เกิดปัญหามาก็ตัดไป”

“ถ้าเป็นคนทำให้เกิดปัญหา เช่น คุณทักษิณ ก็มีปัญหาอยู่ มีคดีอยู่ ท่านลี้ภียไปต่างประเทศ คุณยิ่งลักษณ์ก็ไปเพราะมีคดี เรียกว่าเป็นคู่ขัดแย้งทำให้เกิดปัญหา แต่วันนี้ หากลูกสาวหรือพรรคเพื่อไทย ไม่ได้อยู่ในกระบวนการขัดแย้งแต่ก็ต้องพิสูจน์ตัวเอง ผมไม่ได้พูดเปิดทาง แต่ผมพูดถึงทุกพรรค ถ้าจะร่วมมือกัน ผู้บริหารพรรคต้องมีเหตุผลเพียงพอในการอธิบายสมาชิก”

เมื่อถามว่าทำไมต้องเลือก “ภูมิใจไทย” เขาเชื่อว่า สถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน ไทยกำลังฟื้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ทั่วโลกโดนกันหมด ไทยต้องทำธุรกิจเศรษฐกิจต่อไป เมื่อใกล้วันเลือกตั้ง เชื่อว่า ประชาชนจะมีเรื่องหนึ่งที่ต้องตัดสินใจ คือ เลือกเพื่อให้ ส.ส.ไปเลือกแคนดิเดตนายกรัฐฒนตรีของเขา 

ถ้ายกตัวอย่างการเมืองเป็นฝ่ายแดง ฝ่ายน้ำเงิน สมมติฝ่ายแดงชัดเจนว่าเป็นเพื่อไทย ก้าวไกล มีชื่อของคุณอุ๊งอิ๊งค์ คุณเศรษฐา ส่วนฝั่งนี้ เมื่อเรียงลำดับดู พรรคไหนมีโอกาสได้รับการเลือก มี ส.ส.เยอะที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง ผมว่า ภูมิใจไทย

 

“เมื่อภูมิใจไทยได้ ส.ส.มากที่สุด ก็ย่อมมีศักยภาพที่จะเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็คือคุณอนุทิน และผมเชื่อว่า ภาพของรัฐบาล จะเป็นรัฐบาลปีกเดิม” 

“การเลือกพรรคที่ไม่มั่นใจว่จะได้อันดับหนึ่งหรือไม่ อาจจะได้ 30 เสียง หรือ 10 เสียง สุดท้ายประชาชนก็ต้องเลือกคนที่คิดว่าจะได้เสียงมากที่สุด เขาอาจจะต้องตัดสินใจ เลือกพรรคเดียวเพื่อไม่ให้เสียงแตก ผมเชื่อว่า ภูมิใจไทย โดยรวมทั้งประเทศ และตามผลสำรวจหลายแห่ง ถือว่าอยู่อันดับต้นๆ”

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP การเมือง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ