"ช่วงแรกๆ พอผมถอดหมวกคนจะจำไม่ได้เลย มีช่วงหลังๆ คนเริ่มจำได้แล้ว เวลาไปเล่นดนตรีที่เป็นงานจ้างตามผับ หรือตามงานต่างๆ ผมก็จะไม่เคยลืมหมวกเลย มันกลายเป็นความรู้สึกข้างในว่า ถ้าถอดหมวกเจ้าภาพอาจจะคิดว่าเราไม่เต็มที่ เหมือนมาไม่เต็มฟอร์ม แล้วมันก็กลายทำให้เราเสียความมั่นใจไปด้วย"
“จ๊อบ นิธิ” เปิดบันทึกการเดินทางตลอด 15 ปี “สมุดโคจร”
“รู้จัก "มิน-จันจิรา" สาวสวยเจ้าของเสียงขับเสภาละครจักรๆ วงศ์ๆ
หมวกมีที่มา เช่นเดียวกับชื่อ "สิงโต นำโชค" ก็มีที่มา เพราะไม่ใช่ชื่อนามสกุลจริง เป็นเพียงชื่อผสมคำที่นำมาใช้เป็นชื่อการแสดง โดยนักร้องหนุ่ม บอกว่า พ่อแม่ตั้งชื่อและเรียกว่า โต ส่วนชื่อจริงนั้น ชื่อ นำโชค แต่เมื่อต้องออกอัลบั้ม หากนำชื่อเล่นและชื่อจริงมาเขียนต่อกันเหมือนคนอื่น เป็น โต นำโชค ก็จะแปลกๆ หากเรียกผิดเรียกถูก และเมื่อลองคิดหาชื่อที่เป็นภาษาอังกฤษก็นึกไม่ออก จนไปนึกถึงสมัยเด็กๆ คุณยาย จะเรียกตนว่า สิงโต ฟังแล้ว เมื่อนำมาต่อกับชื่อก็น่ารักดี จึงกลายมาเป็น สิงโต นำโชค ในวันนี้
และเมื่อถามถึงแรงบันดาลใจมาเป็นนักร้องทั้งที่เมื่อก่อนเป็นเด็กขี้อายมาก แม้จะมีพ่อเป็นนักร้องลูกทุ่งมาก่อน หนุ่มสิงโต เล่าให้ฟังว่า มีนักร้องรุ่นพี่ "โบ-สุนิตา" และ "เสก โลโซ" เป็นแรงบันดาลใจในการร้องเพลงเล่นกีตาร์และอยากเข้ามาเป็นศิลปิน "ผมโตมาชอบพี่โบ-สุนิตา มากก็เลยอยากเป็นนักร้อง ส่วนกีตาร์ก็เพิ่งมาชอบตอนวงโลโซออก เมื่อก่อนเราจะรู้สึกว่านักร้องต้องหน้าตาดี แต่โชคดีเห็น พี่เสก โลโซ ร้องเพลง แล้วเท่เลย ผมก็ฝึกเล่นกีตาร์ตามพี่เสกมาตั้งแต่ช่วงนั้น จากนั้นก็ฝึกเล่นมาเรื่อยๆ จนไปเล่นตามผับ และเริ่มอยากเล่นเพลงตัวเอง เลยฝึกแต่งเพลง ลองเอาไปเสนอ สุดท้ายก็ได้มาเป็นศิลปินอยู่ค่ายเพลง"
ในทุกช่วงที่ผ่านมา สิงโต ยังบอกด้วยว่า ไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องฝ่าฟันเป็นนักร้องแต่อย่างใด เพราะเหมือนเป็นสิ่งที่อยากทำ และหากให้เปรียบชีวิตตัวเองเป็นดนตรี ก็มองว่าเหมือนจังหวะชะชะช่า สนุกดี มีติดขัดบ้างบางครั้งแค่นั้น
ติดตามชมรายการ "บางกอกซิตี้ เลขที่ 36" ทุกวันจันทร์ -ศุกร์ เวลา 09.15 น. ทาง PPTV HD ช่อง 36 รับชมย้อนหลังทาง http://pptv36.tv/rkG และ https://tv.line.me/bangkokcity36
ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ปั้นลูกบุญธรรมสืบสานงานแหล่
