ไม่มีปาฏิหาริย์! “พ่อรอง - ยุ้ย” น้ำตาคลอ เล่านาทีบอกลา “แม่ทุม”


โดย PPTV Online

เผยแพร่




“พ่อรอง เค้ามูลคดี” และลูกสาว “ยุ้ย ปัทมวรรณ” เปิดใจหลังสูญเสีย “แม่ทุม ปทุมวดี” เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา (7 ก.ย.63)

หลังจากครอบครัว เค้ามูลคดี ได้สูญเสีย แม่ทุม ปทุมวดี เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา (7 ก.ย.63) ในวัย 72 ปี หลังเข้ารับการรักษาตัวจากอาการป่วยโรคไทรอยด์เป็นพิษ และโรค ALS ที่โรงพยาบาลมานาน 8 ปี โดยางครอบครัวได้ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ณ ศาลา 2 วัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน ระหว่างวันที่ 7 กันยายน - 12 กันยายน 2563 และจะมีพิธีฌาปนกิจศพในวันที่ 13 กันยายน 2563 

อาลัย "แม่ทุม ปทุมวดี” เสียชีวิตแล้ว หลังรักษาตัวนาน 8 ปี

เปิดประวัติ “แม่ทุม ปทุมวดี” ดาวผู้ลาลับ คู่ชีวิต “รอง เค้ามูลคดี”

โดยช่วงเย็นที่ผ่านมา (7 ก.ย.63)  พ่อรอง เค้ามูลคดี สามี และ ยุ้ย ปัทมวรรณ ลูกสาว ได้เปิดใจหลังบุคคลอันเป็นที่รักจากไปอย่างไม่มีวันกลับว่า  

ยุ้ย : “กำหนดการรดน้ำศพคุณแม่ตอน 4 โมงเย็นวันนี้ สวดพระอภิธรรมศพ 6 โมงเย็นค่ะ วันที่เหลือสวดตอน 18.30 น. ค่ะ”  

พ่อรอง : “เขาหลับไปอย่างสบายๆ เวลา 02.25 น.”

มีสัญญาณอะไรบอกไหม ก่อนที่ “แม่ทุม” จะจากไป

พ่อรอง : “เขารู้กันหมด แต่เขาปิดไม่ให้พ่อรู้”

ยุ้ย : “คุณพ่อไม่ทราบค่ะ คือช่วงก่อนหน้านี้ประมาณ 5 -6 วัน คุณแม่เริ่มทรุดเยอะมาก เข้าไปผ่าตัด และนั่นนี่หลายอย่าง ทางโรงพยาบาลก็ได้คุยกับเราว่าให้เราเตรียมพร้อมเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เอกสาร อะไรทุกอย่าง แต่เราไม่ได้บอกคุณพ่อ ขนาดไม่บอกอยู่ๆพ่อก็วูบ จนถึงตอนนี้พ่อเพิ่งจะได้รู้ พ่อคงรู้สึกว่าทำไมวันนี้คุณแม่ไปปุ๊ป ทุกอย่างพร้อมหมด คือเราเก็บไว้เพราะเราห่วงคุณพ่อ คือเราตั้งใจตั้งใจว่าจะไม่บอกคุณพ่อ แค่บอกพ่อว่าแม่ตรวจเจอนิ่วและไปผ่าตัดเอานิ่วออก แต่ก็ไม่ได้บอกสัญญาณอะไรมากกว่านั้นค่ะ ถามว่าช่วงที่ทรุดมีอาการแทรกซ้อนไหม ด้วยความที่คุณแม่อยู่โรงพยาบาลมา 7 ปีกว่า ด้วยโรคที่คุณแม่เป็น เท่านี้ถือว่านานมากแล้วจริงๆ อวัยวะต่างๆก็ไม่ค่อยทำงานแล้ว เริ่มไม่ถ่าย ไม่ปัสสาวะ ตัวเริ่มบวม  ตัวเหลือง ความดันลง ก็มีหลายๆสัญญาณมากๆ ที่ไม่โอเคแล้ว แต่คุณพ่อจะรู้แค่ว่าเป็นนิ่วค่ะ”

พ่อรอง : “ไปเยี่ยมแม่ทุมครั้งล่าสุด ก่อนที่พ่อเข้าโรงพยาบาล”

ยุ้ย : “ก่อนคุณพ่อเข้าโรงพยาบาล คุณพ่อถ่ายละครติดกัน 3 วัน เป็นช่วงที่คุณแม่ทรุด 3 วัน แล้วคุณแม่ก็ดีขึ้นมานึดนึง ก่อนวันที่คุณพ่อจะเข้าโรงพยาบาล และในวันที่คุณพ่อวูบแล้วเราพาคุณพ่อไปส่งโรงพยาบาล กำลังจะเข้าห้องฉุกเฉิน พี่ชายโทรมาบอกว่าทางโรงพยาบาลโทรมาบอกว่าคุณแม่ทรุด ในขณะนั้นคุณพ่ออยู่ห้องฉุกเฉิน เรารู้สึกว่าวันนั้นมันค่อนข้างหนักมากสำหรับเรา สองคนเราไม่ได้ แต่วินาทีนั้นเราอยากให้คุณพ่อแข็งแรงก่อน เพราะเราค่อนข้างทำความเข้าใจกับโรคของคุณแม่มาระยะหนึ่งแล้ว แต่หลังจากที่คุณพ่อออกจากโรงพยาบาล คุณแม่ก็เหมือนจะอาการดีขึ้น จากที่ปลุกไม่ตื่นมาหลายวัน ก็ลืมตา แต่หลังจากที่ดีขึ้นวันนั้นรุ่งขึ้นท่านก็ไม่อยู่แล้วค่ะ”

ไปหา “แม่ทุม” ทันไหม ก่อนที่ท่านจะจากไป

พ่อรอง : “ไปถึงก่อนเป็นชั่วโมง ก็ได้ร่ำลา บอกเขาว่า พ่อรักแม่ที่สุด หอมแก้มเขา เมื่อกี้ (ที่วัด) ก็หอมแก้มเขา พอแต่งหน้าเสร็จก็บอกเขาว่า แม่ไม่รักษาคำพูดกับพ่อเลยนะ แม่บอกแม่จะไม่ทิ้งพ่อ แล้วแม่ทิ้งพ่อไปทำไม ( เสียงสั่นเครือ) วันที่วูบ ก็ไม่มีสัญญาณอะไร”

เห็นบอกว่ามีลางบอกเหตุ ไฟไหม้ห้องพระที่บ้าน

พ่อรอง : “ไฟไหม้นั่นอาจจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ก็ไม่เข้าใจ เพราะระหว่างเทียนที่ตั้งกับพาน อยู่ในห้องนี้มาเป็น 10 ปี เราก็สวดมนต์ทุกวัน ก็ไม่เคยเป็นอะไร วันนั้นพอสวดมนต์เสร็จ ก็นั่งสมาธิ พอนั่งสมาธิลูกสาวบอกคุณพ่อไฟไหม้ เราก็ลืมตา ไฟกำลังลุกต่อหน้าเราเลย ก็รีบดับ ก็งงว่าเกิดขึ้นได้ยังไง เกิดขึ้นเมื่อวานนี้”

ยุ้ย : “เรื่องการดูแลสภาพจิตใจคุณพ่อ จริงๆดูแลมาตั้งแต่ก่อนที่จะมาถึงวันนี้แล้ว แต่ก็ต้องให้คุรพ่อให้ความร่วมมือด้วย เพราะบางทีเขาหายปุ๊ปก้จะไปหาคุณแม่ อย่างวันที่ท่านถ่ายละครหนักๆ กลับมานอนหลับที่เก้าอี้ ตัวเองไม่ไหวแล้ว แต่พอเราไปปลุกให้ไปนอนที่เตียง พ่อก็บอกว่าไม่นอนแล้วๆ จะไปหาแม่แล้ว เราก็รู้สึกว่ามันเช้ามาก ไม่ต้องไปตอนนนี้ แล้ววันรุ่งขึ้นพ่อก็วูบ ตอนนี้เราบอกทุกคนว่าไม่ให้พ่อเดินไปไหนคนเดียว วันไหนที่เราไปทำงานก็สั่งลูกสาวไว้ว่า บอกคุณตานะว่าจะไปไหนให้เรียกหนู ตอนนี้ถ้าใครว่างก็ดูแลคุณพ่อค่ะ ถ้าเราถ่ายละครก็ต้องโทรหาใครสักคนให้อยู่กับคุณพ่อ”

ตอนนี้สุขภาพ “พ่อรอง” เป็นอย่างไรบ้าง

พ่อรอง : “ไม่เป็นอะไรหรอก วันนั้นพักผ่อนไม่พอ คุณหมอก็เตือนเรื่องการพักผ่อน เดี่ยวคุณหมอจะนัดไปตรวจหัวใจอย่างเต็มที่ จะได้รู้ว่าป็นอะไร แต่วันนั้นหมอที่เช็ค เป็นคุณหมอที่ผ่าตัดหัวใจ คุณสุประวัติ ปัทมสูต และเป็นเจ้าของไข้พ่อพอดี เขาตรวจก็บอกว่าเราแข็งแรงดี ก็บอกให้ไปตรวจเช็คให้ละเอียดอีกที”

คุณพ่อให้ความร่วมมือใช่ไหม ลูกๆเป็นห่วง

พ่อรอง : แล้วแต่อารมณ์เหมือนกัน รู้ว่าเขาเป็นห่วง แต่บางทีลูกก็ไม่เข้าใจเรา แต่พ่อก็ไม่พูดอะไร บางวันพ่อก็ไม่ออกจากห้อง

ณ วันนี้หลายคนมองว่า พ่อรองและแม่ทุม คือคู่รักตัวอย่าง

พ่อรอง : “ดีใจที่เขาได้ทำความดีจนวินาทีสุดท้าย ที่ทุกคนชื่นชมว่าเป็นคู่รักตัวอย่าง มันไม่ได้จากพ่อแต่เป็นจากแม่ทุมทั้งนั้น”

อยากทำอะไรเพื่อ แม่ทุม เป็นครั้งสุดท้ายไหม

พ่อรอง : “ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว ถ้าอยากทำ คืออยากให้เขาฟื้น แต่มันทำไม่ได้แล้ว ปาฏิหาริย์ไม่มีแล้ว ตอนนี้ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด พยายามนึกกันอยู่ว่า แม่ทุมชอบอะไร ก็พยายามจะทำให้เขา”

แม่ห่วงอะไรบ้างไหม

ยุ้ย : “พูดยากมาก คือตลอดเวลาคุณแม่ห่วงทุกคนในครอบครัวมากกว่าตัวเอง มาโดยตลอดแต่เราไม่ได้สื่อสารกับคุณแม่เลย เพราะแม่ไม่พูดกับเรามาซักระยะนึงแล้ว ซึ่งเราไม่รู้เลยว่าแม่คิดอะไร ต้องใช้ช่วงเวลาสุดท้าย ที่ได้คุยกับคุณแม่ก่อนที่ทุกอย่างจะเป็นศูนย์ เราก็พยายามบอกว่าไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว (น้ำตาคลอ) คุณแม่เป็นต้นแบบในความสู้ค่ะ อยู่ตรงนี้สู้มาจะ 8 ปีแล้วปี วันนี้คุณแม่สู้ถึงที่สุดแล้วค่ะ เราแข็งแรงแค่ไหน ก็ไม่ได้ครึ่งของแม่เลยจริงๆ ส่วนแพลยลอยอังคาร ก็จะไปที่สัตหีบ เพราะคุณแม่ชอบทะเลค่ะ”

พ่อรอง : “และตรงนั้นลูกชายคนโตที่เสียไปแล้วก็อยู่ที่นั่น แม่ของพ่อก็อยู่ที่นั่น พี่ชายของพ่อก็อยู่ตรงนั้น ให้เขาไปอยู่ด้วยกันตรงนั้น”

 

TOP ข่าวบันเทิง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ