วันนี้ (27 พ.ค.64) พี่น้องคนไทยรวมพลังใจครั้งใหญ่ ร่วมจารึกหน้าประวัติศาสตร์ พิชิตภารกิจสุดหิน “วิ่งธงชาติไทย ไปโตเกียวโอลิมปิก” วิ่งต่อเนื่อง 61 วัน ผ่าน 35 จังหวัด รวมระยะทาง 4,606 กม. เทียบเท่าระยะทางกรุงเทพฯ ไปยังกรุงโตเกียว ได้สำเร็จ
โดยวันที่ 61 นักร้องชื่อดัง ตูน - อาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม รับหน้าที่วิ่งไม้สุดท้ายถึงเส้นชัยที่สนามบินสุวรรณภูมิ ส่งมอบธงไตรรงค์ผืนประวัติศาสตร์ถึงมือทัพนักกีฬา
2 ฮีโร่เหรียญโอลิมปิก “สมจิตร-อุดมพร” ร่วมวิ่งส่งธงไทยไปโตเกียว 2020
ชมลีลา “ตูน บอดี้สแลม” แดนซ์ฝ่าด่านประตูเงินประตูทอง แต่ง “ก้อย รัชวิน”
กิจกรรมเริ่มขึ้นตั้งแต่ในช่วงเช้าตรู่ โดยออกสตาร์ทจากสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดสมุทรปราการ มุ่งหน้ามายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งตลอดเส้นทางมีพี่น้องนักวิ่งชาวไทยชุดสุดท้าย สับเปลี่ยนกันออกมาร่วมวิ่งธงชาติไทยทำภารกิจส่งท้ายกันอีก 20 ชีวิต
ทั้งนี้ เมื่อขบวนวิ่งเคลื่อนถึงลานจอดรถระยะยาว โซนซี ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตูน บอดี้สแลม ออกมารับหน้าที่สุดสำคัญ วิ่งธงชาติไทยไม้สุดท้าย มุ่งหน้าสู่อาคารผู้โดยสาร ชั้น 4 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยใช้เวลาราวๆ 20 นาที วิ่งนำธงไตรรงค์ผ่านระยะทาง 4.5 กม.สุดท้าย มาถึงอาคารผู้โดยสารชั้น 4 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนโบกสะบัดธงชาติไทยปลิวไสว หลังวิ่งผ่านเส้นชัยในกม.ที่ 4,606 ได้สำเร็จ
ซึ่งก็ถือเป็นส่งสัญญาณว่าการวิ่งรวมพลังใจครั้งยิ่งใหญ่แบบต่อเนื่องและยาวนานถึง 61 วัน 35 จังหวัด ในระยะทาง 4,606 กม. เพื่อส่งกำลังใจให้กับทัพนักกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกไทย ได้สิ้นสุดลงและบรรลุเป้าหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ภายหลังธงชาติไทยถูกวิ่งถึง กม.ที่ 4,606 ตูน บอดี้สแลม ได้นำธงชาติไทยขึ้นปักยังแท่นพักธง เพื่อเตรียมส่งมอบต่อให้กับนักกีฬาไทย เพื่อนำไปใช้ในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 ต่อไป ซึ่งในขั้นตอนและพิธีการดังกล่าว ได้รับเกียรติจาก ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย และ พลเอก รณชัย มัญชุสุนทรกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยานด้วย
โดยธงชาติไทยผืนประวัติศาสตร์นี้ จะถูกเก็บรักษา ปักไว้ในแท่นพักธงภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนจะถูกส่งมอบอย่างเป็นทางการอีกครั้งให้กับคณะนักกีฬาทีมชาติไทย ที่จะออกเดินทางไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้
ตูน บอดี้สแลม เปิดใจหลังร่วมกิจกรรมว่า “ถือเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจอย่างมากๆ ที่ตนได้เป็นหนึ่งหน่วยเล็กๆของกำลังใจ ในการร่วมส่งต่อธงชาติไทยเข้ามายังเส้นชัยใน กม.ที่ 4,606 กม. ตนเชื่อว่าการออกมาร่วมกันส่งต่อกำลังใจตลอด 61 วัน ในการวิ่งทั่วประเทศ จะเป็นการสร้างพลังบวกให้กับกองทัพนักกีฬาไทยที่เตรียมเดินทางไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิก
น่าเสียดายที่มาเกิดการระบาดของโควิด-19 ก่อน ทำให้ความตั้งใจเดิมที่จะบินไปดูการแข่งขันที่สนามถึงประเทศญี่ปุ่น คงไม่เกิดขึ้นแล้ว แต่ก็จะขอตามเชียร์และชมการแข่งขันของพี่ๆ น้องๆ นักกีฬาไทยทุกคนอยู่ที่หน้าจอแทน ขอเป็นกำลังให้ทุกคนมุ่งมั่น ทำหน้าที่อย่างสุดกำลัง สุดฝีมือและสุดหัวใจ ไม่ว่าจะแพ้ หรือได้รับชัยชนะกลับมา ตราบใดที่ทุกคนทำเต็มที่ ผมและแฟนกีฬาๆ ก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างทุกคน”