เจ็บมาเยอะ!! “เป็ด เชิญยิ้ม” เผยชีวิตที่ ( ไม่ ) “ตลก” เหมือนหน้าเวที


โดย PPTV Online

เผยแพร่




“ดร.ธัญญา โพธิ์วิจิตร” หรือ “เป็ด เชิญยิ้ม” หนึ่งในผู้บุกเบิกคณะตลกชื่อดัง เล่าเส้นทางกว่าจะมาถึง 39 ปี “เชิญยิ้ม" อย่างทุกวันนี้

สร้างเสียงหัวเราะให้คนดูมาอย่างยาวนานถึง 39 ปีแล้ว สำหรับตลก “เชิญยิ้ม” เชื่อว่าแค่เอ่ยชื่อนี้ก็ทำให้หลายคนอารมณ์ดี แต่เชื่อหรือไม่ว่า...กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ “เชิญยิ้ม” ต้องเผชิญเรื่องราวที่ ( ไม่ ) ตลกมากมาย ซึ่งเรามีโอกาสได้คุยแบบหมดเปลือกกับ “อาเป็ด” หนึ่งในหัวเรือใหญ่ที่ล้มลุกคลุกคลานสร้างชื่อนี้มา จนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน และถึงภาวะที่ตลกเกือบจะหายไปจากบ้านเรา โดยตลกรุ่นใหญ่ถึงจุดเริ่มต้นว่า

 “เชิญยิ้ม” เริ่มตั้งแต่ปี 2523 ก็ 39 ปีแล้ว ชื่อนี้ก็หลวงพ่อวัดเชิงหวายเป็นคนตั้งให้ คือ ชัยชาญ ชาญชัย หัวหน้าคณะบอกว่าหลวงพ่อชื่อมันเหมือนนักมวยไป มันยาวไปคนมันจำไม่ได้ งั้นขอแบบนี้ได้ไหม ขอใช้ กับ ได้ไหมเป็น เชิญยิ้ม หลวงพ่อขำหงายท้องเลย บอกว่าชื่อนี้ดังแน่นอน ปีเดียวดังจริงๆเลยปีนั้นดังจริงเลย ก็มีชื่อเสียงขึ้นมาตั้งแต่ปี 2523”

 39 ปี ที่...โอ้ยยย ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านเจ็บปวดรวดร้าว ผ่านน้ำตา ผ่านประทับใจ ผ่านทุกอารมณ์ ทุกรส ตลกมันไม่ใช่ตลกโปกฮา 24 ชั่วโมง ทุกคนคิดว่าตลกต้องตลก 24 ชั่วโมง มันไม่ใช่ ชีวิตจริงมันไม่ใช่ มันมีขมชื่น ชีวิตจริงมันเป็นละคร มันต้องถูกนำเสนอเรื่องจริง มันต้องอยู่ในสัมผัสของความเป็นจริง แต่ว่าชีวิตของตลกในโลกของอาชีพจะต้องทำ เราต้องออกไปทำงาน เราต้องยึดอาชีพตลก เราต้องสร้างเสียงหัวเราะ พอจบปั๊บทุกอย่างมันก็จบใช่ไหม มันก็ปิดไฟแล้วกลับมาสู่บ้าน กลับมาสู้ความเป็นจริง กลับมาสู้โลกอีกใบหนึ่ง เพราะฉะนั้นตลกไม่จำเป็นต้องตลก 24 ชั่วโมง ตลกต้องการความสงบความเงียบมากกว่าอาชีพอื่น ทำไมตลกถึงต้องใช้ความสงบมากกว่า เพราะตลกต้องคิดมากกว่าอย่างอื่น อย่างพระเอกละคร ทำให้ร้องไห้ง่ายนิดเดียว เป็นผู้ร้ายทำให้คนร้องไห้ง่ายนิดเดียว แต่เป็นตัวตลกทำให้คนหัวเราะยากมาก มันเป็นศาสตร์ที่ยากมาก เพราะฉะนั้นตลกมันต้องใช้สมาธิ ต้องใช้สติ ต้องใช้พื้นที่เงียบสงบ ใช้สมองคิดว่าจะต้องทำยังไงคนถึงจะหัวเราะ ฉะนั้นบางโมเม้นท์คนก็ไม่ค่อยเข้าใจว่า เอ๊ะ... ตลกคนนี้หน้าหยิ่ง บางทีเรานั่งใจลอยคิดว่าเดี๋ยวเราต้องเล่นอะไร แต่พอคนดูมาตัวตลกก็ต้องตลกละ บางทีเราไม่ได้ตลกเรากำลังคิดอยู่ มันก็เลยสวนทางกับคนดู บางคนเขาก็คิดว่าตลกทำไมมันหยิ่งอย่างนี้ จริงๆแล้วไม่ใช่

ตลกเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่ว่าในอาชีพมันต่างกัน เราต้องคิดอยู่ตลอดเวลาทำอย่างไรให้คนหัวเราะ แล้วการสร้างเสียงหัวเราะ วันใดที่เราสร้างเสียงหัวเราะไม่ได้เนี่ย มันเป็นความกดดันในอาชีพมาก เคยท้อถึงขนาดว่าทำไมเราทำแค่นี้ไม่ได้ ควรจะเลิกไปไหม ควรจะไปหาที่อื่นไหม ทำไมทำให้คนหัวเราะไม่ได้ มันเป็นแรงตีกลับที่ทำให้เศร้าทำให้เครียด เรากลับมาเป็นทุกข์ซะเอง สิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นกับตัวเราเสมอ เชิญยิ้ม เราสร้างมันขึ้นมาเราต้องการให้งานชิ้นนี้มันเกิดขึ้นให้มีคุณค่า เป็นเชิญยิ้มที่เป็นประวัติศาสตร์เลย อาจจะเก็บไว้ในหอ โรงละคร หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่ เห้ย!! มันเป็นประวัติศาสตร์ของเชิญยิ้มเลยนะ มันเป็นการสร้างงานของเชิญยิ้มนะสร้างทุกอย่างเป็นของเชิญยิ้ม ก็เลยอยากจะคิดอย่างนั้น

“เชิญยิ้ม” สร้างตลกขึ้นมาเยอะมาก

“มันยากนะ มันอยู่ที่ต้นตระกูลที่จะปลูกต้นกล้า เมื่อเรามีเป็นต้นโพธิ์ใหญ่ เราเชิญยิ้มเป็นต้นโพธิ์ใหญ่มีรากที่แข็งแรง ฉะนั้นเราต้องผลิตเม็ดพันธุ์ จากต้นโพธิ์ใหญ่ๆก็ปล่อยเม็ดลงมา ปล่อยลงมาแล้วก็เกิดมาเป็นต้นกล้า ต้นกล้าก็เหมือนลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นหล่นอยู่ใต้ต้นเชิญยิ้ม ฉะนั้นคาแร็คเตอร์ก็ต้องดูว่าเชิญยิ้มเล่นยังไงเพราะเราสอนเด็กทุกครั้ง ใช้เชิญยิ้มต้องใช้แล้วมีคุณค่านะ ต้องให้คนประทับใจนะ พอเชิญยิ้มรวมกันแล้วประมาณสี่ห้าร้อยคนที่รวมตัวกันปรากฏว่ามันล้นเหมือนกับเราเติมน้ำพอล้นแก้วมันก็เปรอะแน่นอน สกปรกแน่นอนเพราะเราไม่มีการควบคุม พอล้นมันก็เกิดเชิญยิ้มเซินเจิ้นขึ้นมา เชิญยิ้มปลอม เชิญยิ้มที่ผ่านมาวันเดียวก็เป็นเชิญยิ้ม ผ่านมาสองวันก็เป็นเชิญยิ้ม เชิญยิ้มแต่ละคนมันไม่ได้มาจากศิลปะ มันไม่ได้มาจากรากเหง้ามาจากศาสตร์และศิลป์ มันมาจากสิ่งหนึ่งคือก๊อปปี้โชว์ อยากจะเล่นตลกก็เป็นเชิญยิ้ม เห็นคนนั้นมีเชิญยิ้ม นี่ก็เชิญยิ้มด้วยเยอะแยะไปหมด คำว่า เชิญยิ้ม เลยเป็น เชิญยิ้มเซินเจิ้น เดี๋ยวก็ไปติดยาเสพติดบ้าง เดี๋ยวก็ไปขโมยของตู้บริจาควัดบ้าง พวกเชิญยิ้มพวกนั้นมันไม่ใช่ของแท้ ของแท้จะอยู่ที่ทีวีที่จะสร้างคุณค่า จะดูที่ว่าคนที่เป็นของแท้คือเชิญยิ้มที่เป็นของแท้จะต้องมีศาสตร์และศิลป์ในตัวของเขาหน้าที่ของตลกครับ

ที่ผ่านมามี “เชิญยิ้มเซินเจิ้น” เยอะเหมือนกัน

“มันเกินการควบคุม เราก็ต้องปล่อย แต่ตอนนี้ หลังจากตอนนี้จะเริ่มสกรีน ผมไปจดทรัพย์สินทางปัญญาไว้เป็นคำว่า เชิญยิ้ม เป็นทรัพย์สินทางปัญญาไว้ ฉะนั้นต่อไปนี้ใครจะมาใช้อะไร ใช้พร่ำเพื่อ ถ้าทำผิดผมจะฟ้องได้”

หลังๆมานี้ตลกมีขึ้นมีลง

“เป็นธรรมชาติ ทุกอาชีพ ไม่ใช่แค่ตลกที่มีขึ้นมีลง พระเอกรุ่นเก่าก็เหมือนกัน ทุกอาชีพมันมีขึ้นมีลง ฟุตบอลเหมือนกัน เราลองโยนมันขึ้นไปสิมันมีลงไหม หรือมันจะค้าง เป็นไปไม่ได้ แต่คุณจะเอาฟุตบอลนั้นลงมาเร็วหรือช้า ฟุตบอลโยนขึ้นไป ก็เหมือนชื่อเสียงคุณ ถ้าคุณรู้จักใช้มัน คุณจะปล่อยมันตกไหม คุณจะมีวิธีทำให้ฟุตบอลอยู่ได้นานแค่ไหน หาไม้กระดานมาสิ ให้ฟุตบอลมันตกลงมาใส่ไม้กระดาน กระเด็นขึ้นไป คุณก็ช้อนขึ้นมาอีก มันก็สูงขึ้นไปอีก ไม้กระดานสูงขึ้นไปมันก็เลื่อนขึ้นไปอีก มันก็ตกไม่ถึงพื้น แต่ถ้าคุณปล่อยให้ถึงพื้น เอาฟุตบอลมาเริ่มต้น โยนขึ้นไป มันไม่ทัน เวลามันหมดไปแล้ว”

ในช่วงที่ตลกอาจจะซบเซาลงต้องมีการปรับตัวยังไง

“มันก็ไม่ได้ปรับอะไรมาก แต่ว่าทุกคนต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ และช่วงเวลาของมัน ทุกองค์กรมันเป็นเหมือนกันหมดไม่ใช่แค่เฉพาะตลก สังเกตไหมเดี๋ยวนี้คนในวงการหาอาชีพเสริมทำ ทำธุรกิจ นั่นคืออาชีพของศิลปินมันไม่เสถียร มันจะเสถียรอยู่ 4-5 คนเอง คือพระเอก - นางเอกเสถียรละ รายได้เขาเยอะ เขาได้โฆษณา แต่ตัวอื่นมันต้องรัดเข็มขัด ต้องหาวิธีการ ต้องเดินยังไง ต้องทำยังไง ตลกก็เหมือนกัน เหมือนโหน่ง ( โหน่ง ชะชะชช่า ) เปิดร้านบะหมี่ แทนที่จะเล่นตลกอย่างเดียวจนแก่จนเฒ่ามันไม่ได้ อาก็เหมือนกันก็มาทำอยู่เบื้องหลังซะ มาทำธุรกิจซะ มันก็ต้องเรียนรู้กันไปต้องปรับตัว

ตลกถูกมองว่ามีน้อยลงเรื่อยๆ
“หายโลกมันก็มืดอะสิ เสียงหัวเราะมันหายไปได้ไง วันนี้คุณหัวเราะหรือยัง ต้องหัวเราะนะ ถูกไหม แล้วมันจะหายไปได้ไง มันหายไปไม่ได้หรอก ไม่มีทางที่จะหายไป ตลกเกิดตั้งแต่ก่อนกรุงศรีอยุธยา ตลกนี่ก่อนกรุงศรีอยุธยา แล้วจนทุกวันนี้กี่ร้อยปีแล้วยังไม่หายเลย ชาร์ลี แชปลิน เกิดตั้งแต่เมื่อไหร่ ยังไม่หายเลย อีกร้อยปีข้างหน้ามันก็ต้องมีตัวรุ่นใหม่ขึ้นมาแทน ยังไงมันก็หายไปไม่ได้ แต่ละรุ่นมันมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆแหละ”

จากตลกค่าเฟ่มาอยู่หน้าจอแล้วต้องปรับอะไรกันไหม
“มันไม่ต้องปรับอะไรอะ ง่ายๆคือโจทย์ของตลกค่าเฟ่กับทีวีมันต่างกัน ตลกทีวีคือเล่นตามสคริปต์ตามบทที่เขาเขียนให้ คนที่ดูมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน แต่คนที่ดูในคาเฟ่ อาจจะเป็นคนที่มีปัญหาครอบครัว เปียแชร์ไม่ได้ ทะเลาะกับเมีย มีปัญหากับสามี พันกว่าอารมณ์ต้องทำคนนั้นให้เป็นคนเดียวกัน เพื่อจะมาดูเราให้ได้ มันเป็นโจทย์ที่ยากมาก เล่นกับคนเมาดูยากไหมล่ะ เล่นกับคนจะมีเรื่องกันยากไหม เพราะฉะนั้นมันเป็นโจทย์ที่ยาก ความแข็งแรง ความประสบการณ์ ที่เกิดขึ้นกับตัวเรา มันเลยทำให้เรามีจุดแข็ง เลยมาปรับใช้ในทีวีง่ายนิดเดียว สบายๆ เล่นอะไรก็ได้ ไม่ต้องไปตกใจ ไม่ต้องไปตื่นตัว

การคิดมุขก็ไม่ยากหรอก ตลกมันมีศาสตร์ความจริงบวกสิ่งที่ไม่คาดคิดในทฤษฎีอยู่แล้ว อาเป็นคนเขียนทฤษฎี อาเป็นคนเขียนหลักสูตร ยังอยากคิดอยากเปิดหลักสูตรในมหาลัยด้วยซ้ำไป เพราเราเชื่อว่าตลกสอนได้ บางคนบอกว่าตลกสอนไม่ได้ ตลกมันเป็นพรสวรรค์ ไม่ใช่ ลิงเขายังสอนให้เล่นตลกได้เลย คุณเป็นมนุษย์ คุณจะเล่นตลกไม่ได้เป็นไปไม่ได้"

อนาคตของเชิญยิ้มอาเป็ดวางไว้ยังไงบ้าง

“ไม่ต้องวางหรอกครับ มันจะสานต่อของมันโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว มันวางรูปแบบในการจำอยู่แล้วว่าโมเดลนี้เป็นโมเดลของเชิญยิ้ม ฉะนั้นถ้าคุณใช้นามสกุลเชิญยิ้ม คุณต้องยึดโมเดลแบบนี้ มันก็สอนกันเองในตัว มันต้องปฏิบัติไปในตัว"

ทุกวันนี้ “อาเป็ด” มอง “เชิญยิ้ม” เป็นยังไงบ้าง

“ก็มองเป็น symbol ของคอมเมดี้ไทย แล้วก็เป็นงานที่มีคุณภาพของเชิญยิ้ม เชิญยิ้มไม่เคยหลอกคนดู”

ล่าสุดจะมีคอนเสิร์ต 39 ปี เชิญยิ้ม

“ก็อยากทำอะไรให้เป็นประวัติศาสตร์ เพราะมันเป็นตำนานของคำว่าเชิญยิ้ม เราสร้างเชิญยิ้มมา 39 ปีบนถนนนี้ ค่อนข้างที่จะคนรู้จักกันทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหน ทุกคนต้องรู้จักเชิญยิ้มกันหมดทุกรุ่น ตั้งแต่ผู้ใหญ่ ยันรุ่นเก่าแก่ จนเด็กรุ่นใหม่ก็รู้จักคำว่าเชิญยิ้ม ฉะนั้นเชิญยิ้มจะเป็นแบรนด์ที่แข็งแรง ที่เรามาบอกว่าสร้างแบรนด์ที่แข็งแรงมันต้องสร้างเป้าหมายอื่น  น่าจะเก็บไว้ ทำไมมันถึงยืนยาวมาถึงขนานนี้ ทำไมเชิญยิ้มยังอยู่ ก็เลยคิดว่าเราน่าจะทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ก็เลยคิดจะทำ39 ปี เลยได้คุยกับ “โน้ต เชิญยิ้ม” ว่าจะทำ 39 ปี แต่วันนี้ถ้ามี “ศรีหนุ่ม เชิญยิ้ม” ด้วย ก็จะสมบูรณ์มากกว่านี้ เราเริ่มมาด้วยกัน เดินมาด้วยกัน เดินรองเท้าหักขาดมาด้วยกัน ชีวิตมันลำบากยากเข็ญมาด้วยกันแต่ก็ไม่เป็นไร เราก็ต้องสานต่อ เราต้องทำงานต่อ เรายังใช้ชีวิตอยู่ เราก็ต้องคิดงานของเราไปต่อควรจะทำยังไงต่อ  เพราะสมาชิกของเราที่มี ที่จะขึ้นไปในงาน 39 ปีเชิญยิ้ม ไม่ต่ำกว่าร้อยคน ตลกแนวหน้าทั้งนั้นเลย สังเกตดูยี่สิบกว่าช่องในทีวีไทย จะมีเชิญยิ้มกว่า90% เพราะฉะนั้นตัวที่มีคุณภาพอยู่ในทีวีมันก็ถูกมาใช้งานในรายการ 39 ปีทั้งหมด

"คอนเสิร์ตครั้งนี้จะได้เห็นเส้นทางตลอด 39 ปีของ “เชิญยิ้ม” ทั้งทุกข์ทั้งสุข ประทับใจ เสียใจ เสียน้ำตา มันอาจจะมีน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม แต่มันแฝงด้วยรอยยิ้มที่คุณประทับใจออกมา ซึ่งอยู่ในโชว์ทั้งหมด และ “ศรีหนุ่ม” ก็จะมาด้วย แต่จะมาในรูปแบบไหนก็ต้องรอดูกัน วันที่ 1 , 2 , 3 มีนาคมนี้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต"

ขอบคุณภาพจาก IG notechernyim

โย่ง เชิญยิ้ม สืบสาน "กรับขอทาน"

ป่วยหนักทำให้คิดได้ “แจ็ค เชิญยิ้ม” เบรกใช้ชีวิตสุดโต่ง

 

 

อัพเดทข่าวบันเทิงได้ในรายการ ET Thailand ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 19.30 น.

และรายการ POP NEWS วันอาทิตย์เวลา 18.20 น. ทาง PPTV HD ช่อง 36 

หรืออ่านข่าวประเด็นฮอตวงการบันเทิงได้ทาง //www.pptvhd36.com/news/ข่าวบันเทิง

 

 

TOP ข่าวบันเทิง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ