“เมลาเนีย ทรัมป์” ฉีกมารยาท ไม่เชิญ “จิล ไบเดน” เยือนทำเนียบขาว

โจ ไบเดน จากนักกฎหมาย สู่ว่าที่ ประธานาธิบดีสหรัฐ

ข้ามมาดูฝั่งทรัมป์กันบ้าง ล่าสุดหลังไปตีกอล์ฟแก้เครียดและโพสต์ทวิตรัวๆ ช่วงสองวันที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าในวันอังคารที่ผ่านมาโดนัลด์ ทรัมป์จะยังคงเก็บตัวเงียบอยู่ในทำเนียบขาว

ด้านเมลาเนีย ทรัมป์ ผู้เป็นภรรยาก็มิวายถูกโจมตีว่า เธอยังคงไม่ได้ติดต่อกับจิล ไบเดน หรือมีแผนที่จะเชิญว่าที่สุภาพสตรีหมายเลข 1 มาเยือนทำเนียบขาวแต่อย่างใด ทั้งที่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เธอได้รับจากมิเชล โอบามา เมื่อ 4 ปีก่อน

วันอังคารที่ผ่านมา ตามเวลาสหรัฐฯ ปรากฏว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้ปรากฏตัวออกไปที่ไหน หรือมีแถลงการณ์ใดๆ ต่อสื่อ ซึ่งคาดกันว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 45 น่าจะยังคงเก็บตัวเงียบอยู่ในทำเนียบขาว

ส่วนทวิตเตอร์เอง ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทรัมป์มักใช้ในการสื่อสารกับผู้คน โพสต์จากทรัมป์ล่าสุดยังคงเป็นข้อความที่ระบุว่า “We will win” หรือ เราจะชนะ ซึ่งโพสต์เมื่อคืนที่ผ่านมา ตามเวลาบ้านเรา บ่งชี้ว่าทรัมป์ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ สอดคล้องกับตารางงานของทำเนียบขาวที่ระบุว่า เมื่อวันอังคารที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้มีนัดหมายหรือธุระใด

อย่างไรก็ตามในวันนี้ วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน ทรัมป์และเมลาเนียมีกำหนดกาารต้องไปเข้าร่วมพิธีการ เนื่องในวันทหารผ่านศึกที่สุสานทหารแห่งชาติอาร์ลิงตัน ในรัฐเวอร์จิเนีย

จึงเป็นไปได้ว่าเราจะได้เห็นทรัมป์ออกมาปรากฏตัวในวันพรุ่งนี้ และเขาจะถูกสื่อจับจ้องอย่างแน่นอนว่าจะมีความคืบหน้าต่อประเด็นการโกงเลือกตั้ง หรือมีหลักฐานใหม่ๆ ประกอบคำกล่าวอ้างหรือไม่

ฟากสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งอย่าง เมลาเนีย ทรัมป์เองก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว
แต่ล่าสุดเธอถูกสื่อพูดถึง จากการที่เมลาเนียยังคงนิ่งเฉย ไม่เชื้อเชิญจิล ไบเดน ภรรยาของโจ ไบเดน และผู้ที่กำลังจะเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนต่อไปมายังทำเนียบขาว ตามมารยาทที่บรรดาสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งมักทำกัน

เพราะย้อนกลับไปในปี 2016 เพียงสองวันหลังทั่วโลกทราบผลว่าประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐฯ ต่อจากบารัก โอบามา คือ โดนัลด์ ทรัมป์ สองวันถัดมา มิเชล โอบามา ก็เชิญเมลาเนียเข้ามาเยี่ยมชมทำเนียบขาวทันที

ในวันนั้นเมลาเนียมาพร้อมกับทรัมป์ ฝ่ายชายแยกตัวไปพูดคุยกันที่ปีกตะวันตกของทำเนียบ ซึ่งเป็นพื้นที่ทำงานของประธานาธิบดี ส่วนฝ่ายหญิงก็แยกไปพูดคุยที่ฝั่งตะวันออก ซึ่งเป็นฝั่งที่สุภาพสตรีหมายเลข 1 ทำงาน

มิเชล โอบามา ชวนเมลาเนียนั่งจิบน้ำชา ก่อนจะพาเดินชมทั่วทำเนียบขาว รวมถึงให้คำแนะนำในหลายเรื่อง

น้ำใจและความอบอุ่นที่มิเชลมอบให้แก่เมเลาเนียในวันนั้น เธออธิบายในรายการของโอปราห์ วินฟรีย์ ในเดือนต่อมาว่า เธอทำในแบบที่เธอได้รับมาจากลอร่า บุช อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งในสมัยของรัฐบาลจอร์จ ดับเบิลยู บุช

ล่าสุดพอเมลาเนียไม่ได้ทำบ้าง เลยเกิดเป็นประเด็นขึ้นมา เลยเถิดไปจนถึงความเข้าใจว่า เธออาจไม่ชอบจิล ไบเดน เป็นการส่วนตัว

ด้านทีมงานของเมลาเนียเองออกมาชี้แจงว่า ขณะนี้เมลาเนียกำลังยุ่งอยู่กับงานในส่วนปีกตะวันออกของทำเนียบขาว รวมถึงเธอยังรอให้ทรัมป์ประกาศยอมรับชัยชนะของไบเดนเสียก่อน แล้วจึงค่อยเชิญมา

เหตุผลของเมลาเนียเข้าใจได้ เพราะตราบใดที่สามียังคงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ หากเธอเชิญจิล ไบเดนเข้ามาในทำเนียบขาว ภาพที่เกิดขึ้นคงจะดูแปลกๆ

ที่ผ่านมา การเปลี่ยนผ่านจากสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนก่อนมายังคนใหม่ก็มีหลากหลายอารมณ์ แต่ส่วนใหญ่เป็นไปได้ด้วยดี เช่นกรณีของมิเชล โอบามา ที่ต้อนรับ เมลาเนีย ทรัมป์อย่างอบอุ่นก่อนพาแนะนำสถานที่ ทั้งๆที่คนรู้ดีว่า เธอเจ็บปวดมากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง

ส่วนกรณีความขุ้นข้องหมองใจก็มีอยู่บ้าง  ในปี 1981 มีข่าวลือว่า โรสลิน คาเตอร์ ภรรยาของอดีตประธานาธิบดีจิมมี คาเตอร์ โกรธมากที่เธอทราบว่า แนนซี เรแกน ต้องการให้ครอบครัวของเธอย้ายออกจากทำเนียบขาวก่อนถึงวันสาบานตนหลายสัปดาห์ เพื่อที่ครอบครัวของประธานาธิบดีคนใหม่จะได้มีเวลาเตรียมตัว

อย่างไรก็ตาม ข้อปฏิบัติเหล่านี้ไม่ได้ระบุในกฎหมาย ดังนั้นหากเมลาเนีย ทรัมป์ จะไม่เชิญจิล ไบเดน มาเยือนทำเนียบขาวเลยก็ไม่ผิด แต่แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อการถ่ายโอนอำนาจ ไม่เฉพาะแค่ประธานาธิบดี แต่ยังรวมถึงงานของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งเองด้วย

มีรายงานเพิ่มว่า หากจิล ไบเดน ได้เริ่มงานในทำเนียบขาว เธออาจเพิ่มทีมงานของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง จากเดิมที่ในสมัยของเมลาเนียมีเพียง 10 คน เนื่องจากเธอมีแผนปรับปรุงนโยบายการศึกษา ดูแลครอบครัวทหารผ่านศึก ตลอดจนผู้ป่วยมะเร็ง

ต้องติดตามต่อว่าจิล ไบเดนจะมีทีมงานกี่คน และเธอจะทำอะไรบ้าง ซึ่งในสมัยของมิเชล โอบามา และสมัยของลอร่า บุช สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งเหล่านี้มีทีมงานรวม 25 คน

“โจ ไบเดน” สร้างประวัติศาสตร์ได้รับคะแนนมหาชน มากที่สุด