จีนพบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มมากสุดในรอบกว่า 5 เดือน ส่วนใหญ่ติดเชื้อในประเทศ
อัปเดตข่าว สถานการณ์ โควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุด 16 มิ.ย. 63
หลังห่างหายไปนานหลายเดือน ล่าสุดภาพประชาชนต่อแถวเข้าตรวจเชื้อโควิด-19 กลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะในเมืองฉือเจียจวง และเมืองซิงไต่ ที่ตั้งอยู่ในมณฑลเหอเป่ย ทางตอนเหนือของจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดครั้งใหม่ในขณะนี้
นอกจากการเร่งตรวจหาเชื้อแล้ว ทางการยังส่งเจ้าหน้าที่เข้าทำความสะอาดเมือง ด้วยการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ รวมถึงยังมีการตั้งแผงขายสินค้าและวัตถุดิบขึ้นชั่วคราวตามจุดต่างๆ เพื่อลดจำนวนคนที่แออัดในตลาดและซูเปอร์มาร์เก็ต
ที่ผ่านมาจีนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่รับมือกับโควิด-19 ได้ดี แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2021 ได้ไม่กี่วัน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทางการจีนต้องประกาศล็อคดาวน์เมืองฉือเจียจวง ที่ตั้งอยู่ในมณฑลเหอเป่ย หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่แสดงอาการ 31 ราย และผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการ 35 ราย ตามมาด้วยการเร่งหาเชื้อในเมืองซิงไต่ ที่ตั้งอยู่ห่างออกไป 110 กิโลเมตรทางตอนใต้ในมณฑลเดียวกัน หลังพบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มด้วย จากการสอบถาม ประชาชนส่วนใหญ่พอใจกับการรับมืออันรวดเร็วของเจ้าหน้าที่ รวมถึงชอบที่มีการเคาะประตูตรวจหาเชื้อตามบ้าน สำหรับผู้สูงอายุที่ไม่สะดวกในการออกมายังศูนย์ตรวจ
ยังไม่ชัดเจนว่าผู้ติดเชื้อใหม่ได้รับเชื้อมาจากไหน แต่ขณะนี้ทางการกำลังคุมเข้มห้ามประชาชนเดินทางออกจากเมืองฉือเจียจวง ห้ามการรวมกลุ่ม โรงเรียนและสำนักงานให้ใช้ระบบออนไลน์
ส่วนในกรุงปักกิ่ง ใครที่เดินทางมาจากเมืองในมณฑลเหอเป่ยต้องมีเอกสารแสดงผลตรวจว่าเป็นลบ เมืองฉือเจียจวงมีประชากรราว 11 ล้านคน ส่วนเมืองซิงไต่มีราว 7 ล้านคน รวมเป็น 18 ล้านคน ล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติรายงานตรวจหาเชื้อของประชากรทั้งสองเมืองรวมกันไปแล้ว 13 ล้านคน
อย่างไรก็ตามแม้จะตรวจหาเชื้อได้มาก แต่สถานการณ์ยังน่ากังวล เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในวันนี้มีรายงานว่าจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่จากมณฑลเหอเป่ยเพิ่มขึ้นอีก 82 ราย ส่งผลให้ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา นับตั้งแต่เข้าปี 2021 จีนพบผู้ติดเชื้อในมณฑลนี้แล้วอย่างน้อย 265 ราย โดยในจำนวนนี้มีถึง 181 รายที่เป็นผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการ
ผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นสูงที่สุดในรอบ 5 เดือนทำให้คาดกันว่าทางการจีนจะบังคับใช้มาตรการคุมเข้มสูงสุด นั่นคือห้ามผู้คนเดินทาง แม้จะเป็นช่วงตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงก็ตาม
รายงานจากเจิ้ง อี้ซิน รองคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้เรียกร้องให้ชาวจีนงดการเดินทางกลับบ้านหากไม่จำเป็น ในเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะถึงนี้ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ซึ่งทางการจีนขอร้องกับประชาชนไม่ใช่แค่ในสองเมืองของมณฑลเหอเป่ย์ แต่ขอความร่วมมือทั่วประเทศ
โดยจะประสานงานกับรัฐบาลท้องถิ่นให้ช่วยกระตุ้นให้ผู้คนอยู่บ้านกันมากขึ้น รวมถึงให้บริษัทต่างๆ ปรับเปลี่ยนวันหยุดให้ยืดหยุ่นมากขึ้น พร้อมกระตุ้นให้ผู้คนใช้จ่ายออนไลน์แทนการเดินทางไปซื้อของ แต่ยังไม่มีรายงานว่า ทางการจีนประกาศเป็นคำสั่งห้ามเดินทาง
ทั้งนี้ทุกๆ ปีในช่วงตรุษจีน ชาวจีนจำนวนหลายร้อยล้านคนจะพากันเดินทางกลับบ้าน เนื่องจากเป็นช่วงหยุดยาวนาน 7 - 10 วัน ทั้งรถยนต์ รถไฟ ไปจนถึงเครื่องบินจะแน่นขนัด ส่งผลให้ทางคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติกังวลว่าจะเกิดการระบาดใหญ่ตามมา
นอกเหนือจากประเด็นผู้ติดเชื้อใหม่แล้ว อีกหนึ่งประเด็นเกี่ยวกับโควิดในจีนคือการลงพื้นที่สำรวจหาต้นตอของเชื้อโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า จีนปฏิเสธไม่ให้ทีมผู้เชี่ยวชาญพิเศษลงพื้นที่สำรวจในอู่ฮั่น โดยให้เหตุผลเรื่องวีซ่าของคณะทีมสอบสวน
ล่าสุดเจิ้ง อี้ซิน รองคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติระบุว่า จีนพร้อมร่วมงานเต็มที่กับทีมจากองค์การอนามันโลก ซึ่งนับเป็นสัญญาณไฟเขียวให้เริ่มงานได้ พร้อมเสริมว่า ข่าวการปฏิเสธที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงความเข้าใจผิด แต่ที่ผ่านมาจีนกำลังพิจารณาอยู่ จึงส่งผลให้ออกมาชี้แจงล่าช้าและในการแถลงล่าสุดจีนยังได้รายงานความคืบหน้าของการฉีดวัคซีน โดยระบุว่านับตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา จีนฉีดวัคซีนไปแล้ว 9 ล้านคนในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมยืนยันว่าวัคซีนจะเป็นบริการฟรีสำหรับประชากรทุกคน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ก็ตาม
คาดกันว่าทีมสืบสวนหาต้นตอของโควิดจากองค์การอนามัยโลก จะเดินทางไปถึงจีนในวันพฤหัสบดีนี้ แต่แผนงานยังไม่มีการระบุออกมาชัดเจน
ด้านสำนักข่าว AP ระบุ ก่อนหน้านี้รัฐบลาจีนทุ่มเงินหลายล้านหยวนให้กับการวิจัยหาต้นตอของไวรัสโควิด-19 เช่นกัน แม้จีนจะระบุล่าสุดว่าเปิดกว้างกับองค์การอนามัยโลก แต่หลายฝ่ายยังกังวลในประเด็นการปกปิดข้อมูลของจีนอยู่
