กลุ่มตาลีบันออกแถลงการณ์ หลังเข้าควบคุมพื้นที่ในกรุงคาบูล และทำเนียบประธานาธิบดี โดยประกาศว่า สงครามในอัฟกานิสถานได้สิ้นสุดลงแล้ว ขณะนี้กำลังดำเนินการถ่ายโอนอำนาจจากรัฐบาลอัฟกานิสถาน ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
ตาลีบันยืนยันว่าจะไม่มีการแก้แค้นชาวอัฟกัน ประชาชนโดยเฉพาะในกรุงคาบูล จะปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน พร้อมรับรองว่าจะคุ้มครองสิทธิของผู้หญิง ผู้สื่อข่าว และนักการทูต
ตาลีบัน รับอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดกรุงคาบูล ลั่นเดินหน้าโจมตี จนท.ระดับสูง
"ตาลีบัน" อาจยึดเมืองหลวงอัฟกานิสถานได้ใน 90 วัน
ฝั่งประธานาธิบดีอัชราฟ กานี ซึ่งหนีออกนอกประเทศ ไปพร้อมครอบครัว และคณะ ออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่ต้องทำเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุนองเลือดและการปะทะกับกลุ่มตาลีบัน ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อประชาชนหลายล้านคนในกรุงคาบูล
จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าผู้นำอัฟกานิสถานอยู่ที่ใด แต่รายงานข่าวก่อนหน้านี้ ระบุว่า กานีเดินทางไปประเทศเพื่อนบ้าน "ทาจิกิสถาน" ก่อนจะมีรายงานเพิ่มเติมว่า เขากำลังอยู่ระหว่างดำเนินการขอลี้ภัยในอุซเบกิสถาน
หลังกลุ่มตาลีบันเคลื่ิอนพลเข้ากรุงคาบูล มีรายงานว่าประชาชนจำนวนมากได้อพยพไปยังพรมแดนปากีสถานจนแน่นขนัดด่านชายแดน ขณะที่ประชาชนบางส่วนพยายามที่จะเดินทางไปสนามบินเพื่อหนีออกนอกประเทศ ส่งผลให้บรรยากาศที่สนามบินนานาชาติฮามิดคาไซ เต็มไปด้วยความโกลาหลวุ่นวาย มีภาพของประชาชนเบียดเสียดแย่งกันขึ้นเครื่องบินบนลานบิน
ขณะที่สหรัฐฯ ได้ดำเนินการปิดสถานทูตในกรุงคาบูลอย่างเป็นทางการ หลังมีการเชิญธงชาติสหรัฐฯ ลงจากยอดเสา เมื่อวานนี้ (15 ส.ค.) โดยมีการย้ายเจ้าหน้าที่ทั้งหมดไปที่สนามบิน เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ชุดแรกราว 500 คน พร้อมด้วยนายรอส วิลสัน อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงคาบูล ได้เดินทางออกจากพื้นที่แล้ว
และล่าสุด กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยังอนุมัติส่งกำลังทหารไปยังอัฟกานิสถานเพิ่มอีก 1 พันนาย รวมเป็นทั้งสิ้น 6 พันนาย เพื่อดูแลคุ้มกันสนามบินและภารกิจอพยพให้แล้วเสร็จภายใน 72 ชม. หลังมีรายงานเสียงปืนดังขึ้นใกล้กับสนามบินหลายครั้ง
นอกจากสหรัฐฯ แล้ว ยังมีอีกหลายประเทศที่สั่งปิดสถานทูตและกำลังอพยพประชาชนของตนเองออกจากอัฟกานิสถาน ไม่ว่าจะเป็นแคนาดา อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส สวีเดน รวมถึงญี่ปุ่น แต่ก็ยังมีบางประเทศเช่น รัสเซีย และตุรกี ที่ยืนยันจะไม่ปิดสถานทูตของตัวเอง
ด้านนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ แถลงหลังการประชุมฉุกเฉินกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและหน่วยข่าวกรองว่า อัฟกานิสถานควรจะมีรัฐบาลชุดใหม่เร็วๆนี้ แต่ไม่ควรมีประเทศใดยอมรับกลุ่มตาลีบันเป็นรัฐบาลของอัฟกานิสถาน
ส่วนนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ยอมรับว่าประเมินสถานการณ์ในอัฟกานิสถานผิดพลาด กลุ่มตาลีบันรุกคืบยึดพื้นที่ได้รวดเร็วกว่าที่คาดไว้ ขณะที่กองกำลังด้านความมั่นคงของอัฟกานิสถานกลับไม่สามารถปกป้องบ้านเมืองของตัวเองได้
อย่างไรก็ตาม นายบลิงเคนยืนกรานว่า ทุกฝ่ายไม่ควรนำเหตุการณ์การอพยพพลเมืองอเมริกันจากอัฟกานิสถานไปเปรียบเทียบกับการอพยพหลังเสียกรุงไซ่ง่อน ในช่วงสงครามเวียดนาม
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอัฟกานิสถาน เริ่มทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจประธานาธิบดี โจ ไบเดน โดยมีการรวมตัวประท้วงกันที่หน้าทำเนียบขาว
ผู้ประท้วงหลายร้อยคนกล่าวโทษรัฐบาลของไบเดนที่ตัดสินใจถอนกำลังทหารออกจากอัฟกานิสถานอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นการเปิดช่องให้กลุ่มตาลีบันเดินหน้าปฏิบัติการยึดเมืองสำคัญๆ ทั่วอัฟกานิสถานได้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์