ส่วนทางภาคใต้ รัสเซียโจมตีเมืองที่เป็นเส้นทางเชื่อมไปสู่แคว้นไครเมีย และเตรียมผนวกเมืองที่ยึดได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย
หลายฝ่ายออกมาส่งสัญญาณเตือนว่า นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 3 และขอให้ยูเครนยอมเจรจาแม้จะเสียดินแดนบางส่วน
เริ่มกันที่สมรภูมิด้านตะวันออกของยูเครน จากแผนที่จะเห็นได้ว่า การต่อสู้ในแคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ยังคงเป็นไปอย่างดุเดือด มีการปะทะกัน 5 จุดในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
รัสเซียจ่อบังคับ "ชาวเมืองเคอร์ซอน" ใช้เงินรูเบิล
รัสเซียกลายเป็นชาติที่ถูกคว่ำบาตรมากที่สุด
และการต่อสู้ที่สำคัญในเวลานี้อยู่ที่ เมืองซีเวโรโดเนตสก์ ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออก และเมืองลิซีแชนสก์ ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของแม่น้ำโดเนตสก์
สาเหตุที่รัสเซียโจมตีเมืองทั้งสองอย่างหนัก เป็นเพราะรัสเซียต้องการตีวงล้อมพื้นที่ในแคว้นลูฮันสก์ และกองทัพยูเครนหลายพันนายที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว
ผลของการตีวงล้อมของรัสเซียทำให้หลายเมืองที่เป็นเป้าหมายในแผนปฏิบัติการได้รับความเสียหายอย่างมาก
ภาพล่าสุดของเมืองซีวีโรโดเนตสก์ ที่โดนโจมตีอย่างหนักจนได้รับความเสียหาย หลังจากที่กองทัพรัสเซียตัดสินใจเปลี่ยนแผนการรบเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยเปลี่ยนจากแผน ‘กระจายกำลังเพื่อยึดพื้นที่’ มาเป็น แผน ‘รวมกำลังแล้วยึดพื้นที่ทีละน้อย’
อีกเมืองหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแผนของรัสเซียคือ เมืองสวิตลาดาร์สก์ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองซีเวโรโดเนตสก์ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 80 กิโลเมตร
ที่นี่ถูกกองทัพรัสเซียยึดครองเรียบร้อยแล้ว และกองทัพรัสเซียได้นำธงชาติของตนเองมาติดแทนที่ธงชาติยูเครน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าที่นี่อยู่ภายใต้การปกครองของรัสเซียแล้ว
นอกจากรัสเซียจะยึดครองพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครนได้เพิ่มแล้ว ล่าสุดมีรายงานว่า รัสเซียโจมตีขบวนรถไฟและรางรถไฟในเมืองปาโครฟสก์ ซึ่งอยู่ในแคว้นโดเนตสก์ จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก
โดยสถานีรถไฟแห่งนี้ ถูกใช้เป็นศูนย์กลางในการขนส่งและอพยพพลเมืองเพื่อหลบหนีจากพื้นที่สงคราม
ตอนนี้มีรายงานว่า ชาวยูเครนในพื้นที่ภาคตะวันออก ยังคงทยอยอพยพออกจากพื้นที่สู้รบ โดยเฉพาะในเมืองคาร์มาทอร์สก์ ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งที่ถูกรัสเซียโจมตีอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา
ส่วนชาวยูเครนที่ยังไม่อพยพออกจากพื้นที่บอกกับสื่อว่า พวกเขาต้องอยู่ท่ามกลางสงครามด้วยความหวาดกลัวและมองไม่เห็นอนาคตเลย
ผลจากการต่อสู้ที่หนักหน่วงตลอดช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครนออกมาแถลงเพื่อยืนยันว่า กองทัพรัสเซียต้องการทำลายภูมิภาคดอนบาสให้ราบคาบ
พร้อมบอกว่าขณะนี้โลกกำลังลืมยูเครน และสิ่งที่ชาติตะวันตกกำลังทำให้ยูเครนตอนนี้ ยังไม่มากพอที่จะสร้างหลักประกันว่ายูเครนจะชนะสงคราม
เขากล่าวปิดท้ายว่า โลกยังไม่พร้อมสำหรับความกล้าหาญของยูเครน
ตอนนี้ นักวิเคราะห์จากชาติตะวันตกมองว่า รัสเซียได้โมเมนตัมในสนามรบกลับมาแล้ว ซึ่งไม่ใช่แค่ทางภาคตะวันออก แต่รวมถึงภาคใต้ด้วย หลังจากที่สิ้นสุดการปิดล้อมที่โรงงานอาซอฟสตอล ในเมืองมาริอูปอล
ตอนนี้รัสเซียเดินหน้าโจมตีภาคใต้ของยูเครนอย่างหนัก โดยเฉพาะเมืองซาโปริซเซีย ซึ่งเป็นทางเชื่อมไปสู่แหลมไครเมีย
ช่วงเช้ามืดของวันนี้ (26 พ.ค.) หน่วยงานท้องถิ่นของเมืองซาโปริซเซีย ประกาศในแอปพลิเคชันเทเลแกรมว่า กองทัพรัสเซียยิงขีปนาวุธ 4 ลูกเข้าโจมตีเมืองซาโปริซเซีย
โดยใน 4 ลูกนั้น กองทัพยูเครนยิงสกัดไว้ได้หนึ่งลูก หนึ่งลูกตกที่ศูนย์การค้า และอีกสองลูกตกลงในบ้านของประชาชนที่อยู่ในเมือง
ผลจากการโจมตีครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 3 ราย ตลอดจนอาคารบ้านเรือนบริเวณโดยรอบได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด
อีกพื้นที่หนึ่งทางตอนใต้ที่ต้องติดตามคือ แคว้นเคอร์ซอน เพราะตอนนี้ รัสเซียยึดพื้นที่ได้เกือบสมบูรณ์แล้ว และผู้ว่าการแคว้นคนเก่า ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของยูเครน ถูกรัสเซียปลดออก แล้วแต่งตั้งผู้ว่าการคนใหม่ที่สนับสนุนรัสเซียขึ้นมาแทน
โดยผู้ว่าการคนใหม่นี้ประกาศว่า จะผนวกแคว้นเคอร์ซอนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย จะเห็นได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเคอร์ซอนในตอนนี้ ไม่ได้แตกต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในไครเมียเมื่อ 8 ปีก่อน
หลายฝ่ายเคยออกมาให้ความเห็นว่า รัสเซียอาจใช้แผนนี้อีกครั้งในเมืองต่าง ๆ ที่ผนวกได้ สิ่งที่ยืนยันความเห็นข้างต้นเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีปูตินได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหาร เพื่อเร่งกระบวนการขอสัญชาติ และออกหนังสือเดินทางของคนในแคว้นเคอร์ซอน และซาโปริซเซียให้เป็นไปได้ง่ายขึ้น
การออกหนังสือเดินทางและการให้สัญชาติกับชาวยูเครน เป็นหนึ่งในวิธีการที่รัสเซียจะใช้ในการผนวกรวมดินแดน
และวิธีนี้เกิดขึ้นมาแล้วในแคว้นโดนเนตสก์และลูฮันสก์ ซึ่งรัสเซียได้ออกหนังสือเดินทางให้ประชากรยูเครนไปแล้วเกือบ 800,000 คนในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
จากการรบที่ยังไม่มีผู้แพ้ผู้ชนะชัดเจน และความเสียหายเริ่มส่งผลกระทบหนักขึ้น หลายฝ่ายเริ่มออกมาพูดถึงการประนีประนอมเพื่อหาทางยุติสงคราม
โดยคนที่ออกมาพูดเรื่องการประนีประนอมคือ เฮนรี คิสซิงเจอร์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ
เขากล่าวในที่ประชุม World Economic Forum ว่า ยูเครนควรยกดินแดนส่วนหนึ่งให้รัสเซียเพื่อยุติสงครามในครั้งนี้
หลังจากที่คิสซิงเจอร์พูดประโยคดังกล่าวออกมา วันนี้ผู้นำยูเครนได้ออกมาตอบโต้คำพูดดังกล่าวทันที โดยผู้นำยูเครนพูดเชิงเสียดสีคิสซิงเจอร์ว่า สิ่งที่เขาพูดเหมือนสิ่งที่เคยเกิดขึ้นก่อนจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในตอนที่อังกฤษยกแคว้นสุเดเตนให้เยอรมนี
ผู้นำยูเครนย้ำว่า เขาและคนยูเครนจะไม่มีวันยกแผ่นดินให้กับรัสเซียอย่างแน่นอน ในขณะที่สงครามยังคงดำเนินไป ทางฝั่งรัสเซียมีความเคลื่อนไหวอย่างไรบ้างในตอนนี้ หลังจากที่ผู้นำรัสเซียแสดงท่าทีชัดว่าจะไม่มีการเจรจาประนีประนอมในเร็ววันนี้
เมื่อวานนี้ สื่อรัสเซียรายงานว่า ประธานาธิบดีปูตินได้เดินทางไปเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากสงคราม ผู้นำรัสเซียเรียกทหารเหล่านี้ว่าเป็นฮีโร่
นอกจากนี้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Moscow Times รายงานว่า สภาผู้แทนราษฎรของรัสเซีย หรือสภาดูมาได้ให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายขยายอายุผู้สมัครเป็นทหาร โดยกฎหมายฉบับนี้ จะเปิดทางให้คนที่มีอายุมากกว่า 40 ปีเข้าเป็นทหารได้
ในความเห็นประกอบร่างกฎหมายนี้มีการระบุว่า กองทัพมีความจำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ที่มีประสบการณ์เชิงลึกในการใช้อาวุธที่มีความแม่นยำสูง และผู้ที่มีอายุ 40-50 ปี ส่วนมากมีประสบการณ์ดังกล่าว
โดยก่อนหน้านี้ เกณฑ์อายุของผู้สมัครเป็นทหารรัสเซีย สำหรับผู้ที่มีสัญชาติรัสเซียคือ 18-40 ปี และ สำหรับชาวต่างชาติคือ 18-30 ปี
หลังสภาผ่านกฎหมาย ขั้นตอนต่อไปคือ ส่งร่างกฎหมายดังกล่าวให้ประธานาธิบดีลงนาม ซึ่งคาดว่าหลังจากลงนามแล้วกองทัพรัสเซียจะมีการเปิดรับสมัครคนที่อายุเกิน 40 ปีเข้าเป็นทหารทันทีปัจจุบันรัสเซียมีทหารประจำหรือแบบสัญญาจ้างอยู่ประมาณ 400,000 นาย ส่วนทหารเกณฑ์มีการเกณฑ์ประมาณ 130,000 คนต่อปี