บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ถือเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของยูเครนในการต่อต้านรัสเซีย แต่ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดี (7 ก.ค.) ที่ผ่านมา เขาประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรครัฐบาล ซึ่งเท่ากับลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดข้อกังวลว่า การลาออกของเขาจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในนโยบายช่วยเหลือยูเครนของอังกฤษหรือไม่?
จอห์นสันเป็นหนึ่งในผู้นำชาติตะวันตกกลุ่มแรก ๆ ที่ไปเยือนกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน โดยเขาไปเยือนหลังจากที่รัสเซียถอยทัพออกไปจากพื้นที่รอบเมืองหลวง
“ปูติน” ชี้ชาติตะวันตก คว่ำบาตรรัสเซีย เป็นหายนะพลังงานโลก
ชาวยูเครนหวังอังกฤษจะไม่เปลี่ยนนโยบายสงคราม
เส้นทาง "บอริส จอห์นสัน" ก่อนตกเก้าอี้นายกฯอังกฤษเพราะปาร์ตี้
หลังไปเยือน ก็ปรากฏภาพผู้นำอังกฤษเดินไปตามถนนในเมืองหลวงพร้อมกับประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ ทำให้ดูเหมือนว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ผู้นำทั้งสองประเทศได้สร้างความสัมพันธ์ที่แนบแน่นต่อกัน
ในสุนทรพจน์ลาออกของ บอริส จอห์นสัน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เขายังได้กล่าวถึงยูเครนเป็นพิเศษด้วยว่า “ขอให้ผมได้บอกกับประชาชนยูเครนตอนนี้ว่า สหราชอาณาจักรจะยังคงสนับสนุนการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของยูเครนต่อไป”
มีรายงานว่า หลังจากที่จอห์นสันลาออก เขาได้ติดต่อเซเลนสกีทางโทรศัพท์ทันที เพื่อย้ำถึงการสนับสนุนของสหราชอาณาจักร เขาบอกประธานาธิบดียูเครนว่า “คุณคือฮีโร่ ทุกคนรักคุณ”
ทั้งคู่มักโพสต์ข้อความแสดงความชื่นชมและสนับสนุนซึ่งกันและกันบนโซเชียลมีเดีย และในช่วงเวลาที่จอห์นสันจะลาออกจากตำแหน่ง เซเลนสกีก็ได้แสดงท่าทีชัดเจนว่า ต้องการให้จอห์นสันดำรงตำแหน่งผู้นำอังกฤษต่อไป
“บทบาทของสหราชอาณาจักรในการปกป้องเสรีภาพนั้นเป็นสากลอย่างแท้จริง ... ความเป็นผู้นำและความสามารถพิเศษของผู้นำของชาตินั้นมีความสำคัญเป็นพิเศษเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ ช่วงเวลาของสงครามต่อต้านยุโรปอย่างเต็มรูปแบบของรัสเซีย ซึ่งเริ่มโจมตียุโรปทั้งหมดผ่านทางประเทศของเรา ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ชาวยูเครนรู้สึกขอบคุณบอริสเป็นการส่วนตัว” เซเลนสกีกล่าว
จากความช่วยเหลือที่สหราชอาณาจักรมอบให้ในช่วงที่ผ่านมา ทั้งเรื่องของอาวุธและความช่วยด้านมนุษยธรรม ทำให้ชาวยูเครนหลายคนต่างแสดงความขอบคุณ และเสียใจที่จอห์นสันต้องลาออกจากตำแหน่ง
ดมิโทร อูซิคอฟ ชาวเมืองกรุงเคียฟ กล่าวว่า “สหราชอาณาจักรจะให้การสนับสนุนเพิ่มเติม แต่มันอาจจะไม่เป็นแบบเดียวกับบอริส จอห์นสัน เราสามารถพูดได้ว่าเขาเป็นเพื่อนของประเทศของเรา”
ด้าน วิตาลี เชอร์วิยาสกี เจ้าของร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดในเมืองหลวงกล่าวว่า “ผมเห็นใจเขาเป็นการส่วนตัว เขาช่วยยูเครนอย่างมาก เขาเป็นคนแรกที่มาที่นี่ … เขาไม่กลัวว่าจะมีการต่อสู้อยู่ที่นี่ ผมนับถือเขามาก และเสียใจมากที่ลาออก”
สหราชอาณาจักรอยู่ในอันดับที่ 2 รองจากสหรัฐฯ ในแง่ของปริมาณความช่วยเหลือทางทหารที่มอบให้ยูเครน ซึ่งมีทั้งจรวดต่อต้านรถถัง ระบบขีปนาวุธ ปืนใหญ่ และล่าสุด ระบบจรวดยิงขีปนาวุธหลายลำกล้องขั้นสูงหรือ MLRS ซึ่งขณะนี้ ทหารยูเครนหลายร้อยนายกำลังเข้ารับการฝึกใช้อาวุธดักล่าวอยู่ในอังกฤษ
โดยรวมแล้ว จอห์นสันให้คำมั่นต่อยูเครนว่า จะให้การสนับสนุนทางทหารมูลค่า 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1 แสนล้านบาท) ควบคู่ไปกับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและเศรษฐกิจอีก 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.4 หมื่นล้านบาท)
ทั้งนี้ สิ่งที่น่าจะเป็นข่าวดีสำหรับยูเครนคือ แม้บอริส จอห์นสัน จะลาออกจากตำแหน่งผู้นำ แต่นักวิเคราะห์ประเมินว่า การลาออกของเขาไม่น่าจะทำให้ระดับการสนับสนุนยูเครนของอังกฤษเปลี่ยนไป
จอห์น แคมฟ์เนอร์ นักวิเคราะห์และประธานกรรมการบริหารของสหราชอาณาจักรในโครงการ World Initiative กล่าวว่า “ใครก็ตามที่จะรับช่วงต่อจากจอห์นสัน ผมขอแนะนำว่าควรดำเนินนโยบายต่อไปตามที่เป็นอยู่ ไม่ใช่แค่เพราะว่ามันประสบความสำเร็จในประเทศใด ๆ ก็ตามเท่านั้น แต่มันยังเป็นที่นิยมในประเทศอีกด้วย”
ขณะที่ เบน วอลเลซ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักร เน้นว่า ได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่ายให้ยังคงมอบการสนับสนุนทางทหารให้ยูเครนต่อไป
“สหราชอาณาจักรสนับสนุนพวกเขาอย่างเต็มที่ รู้อะไรไหม ความช่วยเหลือที่เรามอบให้ยูเครนไม่ได้มาจากคน ๆ เดียว ไม่ใช่ผม ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี แต่เป็นความพยายามของทุกคนทั้งหมด” วอลเลซกล่าว
เรียบเรียงจาก Voice of America
ภาพจาก AFP
