หนึ่งในปรากฏการณ์ในห้วงอวกาศที่หลายคนสนอกสนใจเป็นพิเศษ คือ “การชนกันของกาแล็กซี” เนื่องจากมีข้อมูลว่า ในอนาคตราว 4-5 พันล้านปีข้างหน้า กาแล็กซีทางช้างเผือกของเราเองจะชนเข้ากับกาแล็กซีเพื่อนบ้านอย่างแอนโดรเมดา (Andromeda) จากแรงดึงดูดระหว่างกัน
ดังนั้น นักดาราศาสตร์จึงพยายามศึกษาการชนกันของกาแล็กซีอื่น ๆ เพื่อดูว่า จะเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังการปะทะกันระหว่างสองกาแล็กซี
คมชัดบาดตา! ภาพ “เสาแห่งการก่อกำเนิด” โดยกล้อง “เจมส์ เว็บบ์”
เห็นวงแหวนชัดแจ๋ว ภาพดาวเนปจูนจากกล้อง “เจมส์ เว็บบ์”
“เนบิวลาทารันทูลา” ภาพใหม่สุดอลังการจากกล้อง เจมส์ เว็บบ์
ตัวอย่างการชนกันของกาแล็กซีที่เราใช้เป็นกรณีศึกษาคือ การชนกันระหว่าง กาแล็กซี IC 1623 A และกาแล็กซี IC 1623 B ในกลุ่มดาวซีตัส (Cetus) ซึ่งอยู่ห่างจากโลกของเราไป 270 ล้านปีแสง
นักดาราศาสตร์คาดว่า การชนกันของกาแล็กซีอาจทำให้เกิดดาวดวงใหม่จำนวนมหาศาล หรืออาจทำให้เกิดหลุมดำมวลยิ่งยวด (Supermassive Black Hole) อย่างไรก็ตาม ภาพที่กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (Hubble) เคยถ่ายไว้ได้ก่อนหน้านี้ ยังไม่สามารถให้คำตอบกับนักดาราศาสตร์ได้ว่า ที่จุดตรงกลางซึ่งทั้งสองกาแล็กซีปะทะกัน มันเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากถูกหมอกฝุ่นบดบังเอาไว้
แต่ภาพล่าสุดจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศ เจมส์ เว็บบ์ (JWST) ซึ่งเป็นกล้องโทรทรรศน์อวกาศที่ทรงพลังที่สุดของนาซา สามารถทะลวงม่านฝุ่นดังกล่าวเข้าไปได้แล้ว
ภาพใหม่จากเจมส์ เว็บบ์ ทำให้เห็นว่า การปะทะและรวมตัวกันของ IC 1623 ได้กระตุ้นให้เกิดการก่อตัวของดาวดวงใหม่ ๆ ในปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “ดาวกระจาย (Starburst)” และกำลังสร้างดาวดวงใหม่ในอัตราที่เร็วกว่าทางช้างเผือกของเรามากกว่า 20 เท่า
จุดที่เกิดการปะทะ ก๊าซจำนวนมหาศาลที่ถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงให้หับพื้นที่อนุบาลดาวฤกษ์ (Stellar Nursery) ซึ่งเห็นชัดเจนเป็นพิเศษ และในภาพใหม่นี้ซึ่งไม่มีม่านฝุ่นมาบดบัง ยังทำให้นักดาราศาสตร์เห็นแกนของกาแล็กซีที่สว่างเจิดจ้าได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
นักดาราศาสตร์สามารถศึกษาข้อมูลได้มากมายจากภาพนี้ ซึ่งจะช่วยคลี่คลายปริศนาปฏิสัมพันธ์ระหว่างกาแล็กซีที่ซับซ้อน ศึกษาการเกิดขึ้นของหลุมดำมวลยิ่งยวด ซึ่งเป็นสิ่งที่จะพบได้ที่ใจกลางกาแล็กซีขนาดใหญ่ และช่วยให้คาดการณ์ได้แม่นยำขึ้นว่า เมื่อทางช้างเผือกของเราชนเข้ากับกาแล็กซีแอนโดรเมดาในอนาคต จะเกิดอะไรขึ้น
ภาพจาก NASA