นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวถึงเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาทำงาน แต่ความตึงเครียดต่างๆทางการเมืองไม่ได้สร้างความกังวลให้ภาคเอกชนมากนัก เพราะประเทศไทยยังมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง หากไม่มีการประท้วง หรือ เหตุการณ์รุนแรง ก็จะไม่กระทบกับภาคเศรษฐกิจ เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้ ยังเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม
รวมถึงยังมี ม.44 จนกว่ารัฐบาลใหม่จะประกาศ ความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น ไม่มีผลต่อการลงทุนเดินหรือการลงทุนใหม่ การดำเนินการขอการลงทุนบีโอไอยังสามารถดำเนินการได้ปกติ จะมีเพียงผลกระทบเชิงจิตวิทยาเท่านั้น ในระยะยาวการจับจ่ายใช้สอยมีโอกาสชะลอลงบ้าง แต่ของจำเป็นก็ยังต้องจับจ่ายกันอยู่ สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังจนถึงตอนนี้ดีขึ้นมาก ยอดขายรถยนต์ในประเทศยังโตตลอดกว่า 20%
ปัญหาใหญ่ของไทย คือ การคอร์รัปชั่น เนื่องจากนโยบายทุกพรรคมีความน่าสนใจอยู่แล้ว มีความชัดเจนว่าทุกพรรคต้องการแก้ไขปัญหารากหญ้าให้ดีขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้น
นอกจากนี้ ควรเดินหน้าลดขนาดภาคราชการลง 40% เหลือเพียง 60% พร้อมปรับเงินเดือนข้าราชการให้สูงขึ้นเพื่อแก้ปัญหาคอรัปชั่น โดยแนะรัฐบาลใหม่ ว่าควรจัดให้มีการทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน จัดให้มีการตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ(กรอ.) สำหรับส่วนกลางโดยควรมีการจัดประชุมอย่างน้อย 2 เดือนครั้ง เพื่อร่วมหานโยบายเพื่อผลักดันเศรษฐกิจ
ส่วนเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ทาง ส.อ.ท. มีความกังวลมากในเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยเห็นว่าต้องจ่ายตามทักษะฝีมือแรงงาน หรือจัดทำค่าแรงแนะนำเพื่อเป็นแนวทางให้กับเอกชน รวมถึงเรื่องมาตรฐานวิชาชีพ ค่าแรงขั้นต่ำ เพราะเรื่องนี้ต้องยอมรับว่านั้น ค่าแรงขั้นต่ำปัจจุบันคนไทยไม่ทำเหล่านั้น ผู้ที่จะได้รับประโยชน์คือ ต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย จะทำให้เงินหายไปจากระบบปีละ 2 แสนล้านบาท
เอกชน คาด 2-3 สัปดาห์เห็นทีมบริหารประเทศ ชุดใหม่
ภาคเอกชน ชี้ หลังเลือกตั้ง เศรษฐกิจไทยดีขึ้น