ดร.สมคิด สมศรี อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์เด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้งในสถานสงเคราะห์ในสังกัด กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในปี 2562 มีจำนวน 4,192 คน ซึ่งแม้ว่า จำนวนเด็กที่ถูกทอดทิ้งมีแนวโน้มลดลงแต่เด็กที่ฝากเลี้ยงเนื่องจากพ่อแม่ต้องคดียาเสพติดกลับมีจำนวนมากขึ้น
ขณะที่เด็กไทยที่ถูกรับไปเป็นบุตรบุญธรรมกับครอบครัวต่างประเทศแล้ว 157 คน ใน 5 อันดับประเทศที่รับไปสูงสุด คือ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี สวีเดน สวิสเซอร์แลนด์ แต่ถ้าไปดูภาพรวมตั้งแต่ปี 2523 ถึง เดือนมีนาคม 2562 มีเด็กกำพร้าไทยที่ไปเป็นบุตรบุญธรรมของชาวต่างชาติทั้งสิ้น 13,155 คน ใน 30 กว่าประเทศ
และเพื่อไม่ให้เป็นการลืมรากเหง้าและวัฒนธรรมไทย รวมถึงการให้เด็กที่ถูกรับไปเป็นบุตรบุญธรรมและประสบความสำเร็จในชีวิต กลับมาถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับน้องๆ ในสถานสงเคราะห์ต่างๆ กรมกิจการเด็กและเยาวชน และเพื่อให้บุตรบุญธรรมชาวไทยและครอบครัวชาวต่างประเทศได้มีความรู้ ความเข้าใจ ความภูมิใจในวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีไทย จึงเตรียมจัดงานสู่มาตุภูมิขึ้นในช่วงเดือน กรกฎาคม 2562 ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 9 โดยมีจำนวนครอบครัวรวมถึงเด็กกำพร้าที่ไปเป็นบุตรบุญธรรมให้ความสนใจและคาดว่าจะเดินทางมาร่วมงานแล้วกว่า 400 ครัวเรือน
“ เรามีวัถุประสงค์ให้กลับมางานมาตุภูมิเพื่อให้รู้รากเหง้า วัฒนธรรม รู้ว่าใครเป็นคนเลี้ยงเขาตั้งแต่แรก ดังนั้นเด็กจะรักถิ่นเกิด เมื่อเขาไปแล้วประสบความสำเร็จ ให้เขามาแนะนำน้องๆ ในสถานที่เขาเคยอยู่เหมือนพี่สอนน้อง ที่ผ่านมา มีบุตรบุญธรรมชาวไทยกลับมาเป็นอาสาสมัครบ้างในบ้านที่เคยอยู่ เช่น บ้านเด็กชายปากเกร็ด เด็กหญิงอุดร อย่างการมาดูแลน้องๆ สอนภาษาอังกฤษ”
อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน ยังบอกอีกว่า สิ่งที่ต้องทบทวนเกี่ยวกับการรับบุตรบุญธรรมไปเลี้ยงของชาวต่างชาติ คือ อายุของผู้รับเลี้ยงที่มากเกินไป เช่น วันที่ติดต่อขอรับเลี้ยงผู้รับมีอายุ 50 ปี ปัจจุบันอายุเกือบ 80 ปี ขณะที่เด็กเพิ่งเติบโตเป็นวัยรุ่น ซึ่งความห่างกันของอายุมากเกินไปอาจทำให้เด็กมีปัญหาหากพ่อแม่บุญธรรมเสียชีวิต ทำให้เด็กต้องโดดเดี่ยว จึงกำลังทบทวนระเบียบการขอรับเลี้ยงดูบุตรบุญธรรมว่าพ่อแม่บุญธรรมอายุไม่ควรเกิน 50 ปี
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคุณสมบัติตามกฎหมายของผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม
1.ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี (นับตั้งแต่วันเกิด ถึงวันที่ยื่นคำร้อง)
2.ต้องมีอายุมากกว่าเด็กที่จะรับเป็นบุตรบุญธรรม ไม่น้อยกว่า 15 ปี
3.ต้องเป็นผู้ที่ไม่ต้องห้ามเป็นผู้ปกครองเด็กตามมาตรา 1587 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้แก่ ผู้ซึ่งศาลสั่งว่าเป็นคนไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ ผู้ซึ่งเป็นบุคคลล้มละลาย ผู้ซึ่งไม่เหมาะสมที่จะปกครองผู้เยาว์ หรือทรัพย์สินของผู้เยาว์ ผู้ซึ่งมีหรือเคยมีคดีในศาลกับผู้เยาว์ ผู้บุพการีหรือพี่น้องร่วมบิดามารดา หรือร่วมแต่บิดา หรือมารดากับผู้เยาว์ ผู้ซึ่งบิดาหรือมารดาที่ตายได้ทำหนังสือระบุชื่อ ห้ามไว้มิให้เป็นผู้ปกครอง
คุณสมบัติทางสังคมของผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม
1.เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ ครอบครัวอบอุ่น ความสัมพันธ์ในครอบครัวดี
2.ต้องมีสุขภาพสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ
3.ต้องมีฐานะการครองชีพที่มั่นคง มีทรัพย์สินและรายได้ที่แน่นอน ไม่มีหนี้สิน และไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายการลี้ยงดูหรือสนับสนุนการศึกษาของเด็ก
4.ต้องมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง ถูกสุขลักษณะ อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ไม่อยู่ห่างไกลจากชุมชนมากเกินไป
5.ต้องมีเวลาให้กับเด็กที่จะรับเป็นบุตรบุญธรรม ให้ความสำคัญ และเอาใจใส่เด็กอย่างใกล้ชิด
6.ต้องมีเหตุผลในการขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมที่เหมาะสม ไม่เชื่อถือเรื่องโชคลาง รับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมอย่างเปิดเผยและจริงใจ ไม่ได้รับการคัดค้านจากสมาชิกในครอบครัว ญาติพี่น้อง
7.ต้องไม่มีบุตร หรือเด็กในความอุปการะมากเกินไป เพื่อให้บุตรบุญธรรมได้รับความรักและการเอาใจใส่อย่างเต็มที่
8.ไม่เคยมีประวัติกระทำความผิดตามกฎหมาย หรือมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง ต่อบุคคลอื่นหรือประพฤติผิดศีลธรรมและจารีตประเพณีอันดีงาม
9.ต้องมีวุฒิภาวะเหมาะสมที่จะอุปการะเลี้ยงดู อบรมสั่งสอนให้บุตรบุญธรรมประพฤติตนเป็นคนดี
โดยในกรณีชาวต่างชาติขอรับบุตรติดภรรยาหรือหลานของภรรยาเป็นบุตรบุญธรรมสถานที่ติดต่อยื่นเรื่องศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม เลขที่ 255 ถนนราชวิถี เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400 โทรศัพท์ 0-2354-7500
รู้จักโลกใบใหม่ของ “โบว์” เด็กหญิงชาวม้งกับครอบครัวบุญธรรมอันอบอุ่น