ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รอยสีแดงรอบดวงตาและหน้าผากลักษณะคล้ายเส้นเลือดบนใบหน้าของเด็กคนดังกล่าว ไม่ได้เกิดจากการถูกทำร้าย หรือโรคภัยไข้เจ็บ แต่เกิดจากฝีมือของผู้เป็นแม่ที่แอบแม่แกล้งเอาสีไปทา เพื่อหลอกว่าเป็นโรคที่เกิดจากการเล่นโทรศัพท์ ผลปรากฏว่าหลังจากใช้วิธีนี้ เด็กก็เลิกอาการติดโทรศัพท์ทันที
โดยแพทย์หญิงมธุรดา สุวรรณโพธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต มองว่า แม้วิธีนี้จะทำให้เด็กเลิกเล่นโทรศัพท์ได้จริง แต่วิธีนี้เป็นเหมือนไม่ต่างกับการลงโทษที่ทำให้เด็กกลัว จะไปสกัดกั้นความคิดเรื่องความเป็นเหตุเป็นผลของเด็กในอนาคตได้ และในระยะยาวเด็กอาจไม่เชื่อฟังพ่อแม่ ซึ่งการแกล้งให้เด็กกลัวลักษณะนี้ แม้จะทำกับเด็กวัยเล็กมาก ๆ แต่เด็กมีพัฒนาการสมองแล้ว ซึ่งจะจดจำเป็นปมไปถึงอนาคตได้ ดังนั้นการขู่ การแกล้ง หรือหักดิบ ไม่ใช่วิธีที่เหมาะสม พ่อแม่ควรให้เหตุและผลเป็นวัคซีนคุ้มกันลูกในอนาคตดีกว่าจะให้ผลดีกว่าในอนาคต
จิตแพทย์ เตือนพ่อแม่อย่าขู่ลูกให้กลัว เพื่อเลิกเล่นมือถือ แนะอธิบายด้วยเหตุผล
แพทย์หญิงมธุรดา กล่าวต่อว่า ด้วยว่าสาเหตุที่เด็กติดโทรศัพท์ ส่วนใหญ่เกิดจากเด็กไม่รู้จะเล่นอะไร เช่นเดียวกับพ่อแม่เองที่ไม่รู้ว่าจะเล่นอะไร ดังนั้น การเอาโทรศัพท์ออกจากเด็กควรต้องหากิจกรรมอื่นมาทดแทน เช่น หาเพื่อนหรือหาเกมอื่นที่จะมีปฏิสัมพันธ์ต่อคนรอบข้างให้แทนมาจูงใจเด็ก ขณะที่เด็กวัยต่ำกว่า 2 ขวบ ไม่ควรเล่นโทรศัพท์เด็ดขาด
สุทธิกิตย์ ปิยธีพัฒน์ ถ่ายภาพ
ปรารถนา พรมพิทักษ์ รายงาน
