ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสรับตำแหน่งใหม่ จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับเหตุผลที่ตัดสินใจลาออกจาก ส.ส.เพื่อมารับตำแหน่งโฆษกรัฐบาลนั้น คิดว่าเมื่อผู้ใหญ่ให้โอกาส ก็ควรมาทำ การลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็ไม่กระทบต่อการทำงานด้านนิติบัญญัติของพรรคและรัฐบาล ดังนั้น จึงไม่คิดว่าเป็นการเสียสละหรือเสียดายแต่อย่างใด ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ได้กำชับให้ระมัดระวังเรื่องใดเป็นพิเศษ เพียงแต่เตือนว่าอย่าอธิบายเรื่องต่างๆ เป็นภาษาวิชาการมากเกินไป เพราะเราเป็นนักวิชาการมา นายกฯ จึงอยากให้พูดภาษาชาวบ้าน เพราะต้องสื่อสารให้ชาวบ้านเข้าใจ
ครม. ตั้ง “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” เป็นโฆษกรัฐบาล
“นฤมล” เผย รบ.เตรียมตั้ง ศูนย์เฟคนิวส์เซ็นเตอร์
นางนฤมล กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ฝากเบื้องต้นให้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของนายกฯ ในการชี้แจงเรื่องต่างๆ ให้เกิดความชัดเจนด้วยภาษาที่ประชาชนเข้าใจง่าย รวมทั้งเสริมข้อมูลต่างๆ ที่สนับสนุนนโยบายของรัฐบาล เช่น นโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาจะมาเชื่อมต่อโครงการของกระทรวงต่างๆอย่างไร พร้อมอธิบายว่านายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการเรื่องใดมาบ้างแล้ว ในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เป็นต้น
เมื่อถามว่ารู้สึกหนักใจหรือไม่ เพราะการเมืองในช่วงนี้มีการปะทะเชิงวาทกรรมสูง นางนฤมล กล่าวว่า ไม่หนักใจ เพราะตั้งใจจะตอบคำถามเชิงสร้างสรรค์ แต่เลี่ยงไม่ได้ที่จะเจอกับแรงปะทะ แต่ก็จะพยายามอดทน จะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ จึงขอกำลังใจให้นักการเมืองหน้าใหม่คนนี้ด้วย เพื่อที่จะได้เป็นตัวอย่างของคนที่ยังไม่กล้าเข้ามาสู่การเมือง ให้คนเหล่านี้ได้กล้าเดินเข้ามา โดยเราตั้งใจจะทำการเมืองใหม่ให้กับประเทศอย่างสร้างสรรค์ แม้ตำแหน่งโฆษกรัฐบาล จะถือเป็นตำแหน่งสำคัญ แต่ก็ไม่มีอะไรที่หนักใจ
นางนฤมล กล่าวว่า สำหรับทีมงานรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ได้มอบหมายให้ใครทำ และยังไม่ได้บอกว่าจะเป็นใครบ้าง เข้าใจว่ายังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคัดสรร ส่วนแนวทางการทำงานหลังจากนี้นั้น ตั้งใจว่าจะให้ทีมโฆษกรัฐบาลตอบคำถามและทำงานอย่างสร้างสรรค์ โดยไม่ตอบโต้ในลักษณะที่ทะเลาะเบาะแว้ง ทั้งนี้ เมื่อได้คณะทำงานครบแล้ว ก็จะมีการหารือกันอีกครั้ง ว่าจะทำงานเชิงสร้างสรรค์กันอย่างไร นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังต้องการให้มีการเปิดกว้าง เปิดโอกาสให้ฝ่ายที่เห็นต่าง ได้แสดงความคิดเห็น ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องรับฟังด้วย
