เมื่อวันที่ (8 ส.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีวาระการพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการถกเถียงกันในหมวด 1 เรื่องการเลือกประธานและรองประธาน ที่ให้ผู้ถูกเสนอชื่อกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในการที่จะดำรงตำแหน่งต่อที่ประชุมในเวลาที่ประธานกำหนด โดยไม่มีการอภิปราย หลังการถกเถียงกัน ที่ประชุมมีการลงมติเห็นชอบตามคณะกรรมาธิการฯ คือ ยังคงให้ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องแสดงวิสัยทัศน์ ด้วยคะแนน 240 ต่อ 178 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ไม่ลงคะแนน 3 เสียง
“มงคลกิตติ์” ลั่น มติ 5 พรรคเล็ก ประกาศแยกทางกับรัฐบาล ขอเป็นฝ่ายค้านอิสระ
ส่วนเมื่อเข้าสู่การพิจารณาหมวด 2 ซึ่งมี ส.ส.สงวนคำแปรญัตติในหมวดหน้าที่และอำนาจของประธานสภา และรองประธานสภา ที่กำหนดไว้ว่า ประธานของที่ประชุมต้องวางตัวเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ โดยยึดถือข้อบังคับอย่างเคร่งครัด
น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ขอให้เพิ่มเนื้อหาว่า หากประธานปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลาง มีความอคติ ให้สมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่า 20 คน เสนอให้ที่ประชุมวินิจฉัยการปฏิบัติหน้าที่ หรือการใช้อำนาจของประธานได้ โดยที่ประชุมต้องลงมติด้วยคะแนนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ในสภา เพื่อให้ขอโทษและแก้ไข
ขณะที่ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน วิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ว่า ที่ผ่านมาทำหน้าที่ไม่เป็นกลางหลายกรณี
โดย นายชวน จึงชี้แจงว่า ตนเป็นนักการเมืองเก่า แต่ก็ยังภาคภูมิใจว่าไม่เคยซื้อเสียง และไม่เห็นด้วยกับการซื้อเสียง บางคนพูดดี แต่เบื้องหลังทุจริตมาซื้อเสียงมา ฉะนั้น สิ่งสำคัญ คือ เราจะทำอย่างไรให้การเมืองดีขึ้น ตนไม่ใช่คนดีแต่ปาก ในสายตาของตนถ้าไม่มีศาลรัฐธรรมนูญบ้านเมืองเราคงเหลวแหลก เละเทะหมด ถ้าเราไปอยู่กับพวกโกงบ้านโกงเมืองก็จะมองว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่น่านับถือ
“ผมเข้ามาเล่นการเมือง ไม่ใช่ไม่มีงานทำ แต่ตัดสินใจเพื่อเป็นนักการเมือง โดยเป็นหนี้บุญคุณคน จ.ตรัง เป็นหนี้บุญคุณคนภาคใต้ เป็นหนี้บุญคุณพี่น้องทั้งประเทศ เพื่อมาทำงานการเมือง ฉะนั้น ท่านอย่าประเมินว่า คนที่มาแบบนี้ไม่น่าเชื่อถือ ผมอยากให้ใครก็ตามย้อนกลับดูตัวเองว่า แต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่าไปหวังว่า ทุกคนจะเหมือนกัน เราอย่าไปตำหนิคนอื่น เพราะสำคัญที่ตัวเราเอง อย่าประพฤติปฏิบัติแบบที่เราไม่เห็นด้วย ผมไม่ใช่พวกพูดอย่างลับหลังอย่าง ปากบอกสุจริตลับหลังซื้อเสียง” นายชวน กล่าว
ชวน ย้ำ ปมขัดแย้ง “ปารีณา-ช่อ พรรณิการ์” เป็นเรื่องส่วนตัว
ขณะที่นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า ประธานสภาฯ ทำผิดข้อบังคับการประชุมข้อที่ 5 ทำเหมือนเป็นผู้อภิปรายเสียเอง ทำให้เสียเวลาการประชุมมา 2 ชั่วโมงกว่า
ก่อนที่นายชวน จะชี้แจงว่า ตนเองมีสิทธิ์ป้องกันตัวเอง เรื่องที่ไม่จริงก็คือไม่จริง ถ้าตนชี้เรื่องใดก็ยอมรับว่าชี้นำ เรื่องอื่น ๆ นอกเหนือจากการแนะนำเรื่องตั้งกรรมาธิการพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาฯ ก็ไม่เคยชี้นำเรื่องใด
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายว่า ขอให้พิจารณาร่างข้อบังคับต่อไป ไม่เช่นนั้นจะถกเถียงกันมาก ทั้งนี้ หากมีกรณีที่ประธานสภาฯวางตัวไม่เป็นกลางจริง ๆ ตนก็จะเดินออกจากห้องประชุม แต่ไม่ไปลากเก้าอี้ประธานและเขวี้ยงแฟ้มใส่ประธาน
ขณะที่หลังจากนั้นมี ส.ส.อีกหลายคนอภิปรายต่อ ก่อนที่จะมีการลงมติ เรื่องอำนาจหน้าที่ของประธานสภา ว่าให้วางตนเป็นกลาง ตามที่ กมธ.แก้ไข ซึ่ง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล เห็นด้วย ไม่ให้แก้ไขข้อบังคับดังกล่าว 204 เสียง ส่วนส.ส.ฝ่ายค้าน ไม่เห็นด้วย ให้แก้ไขข้อบังคับ 205 เสียง ส่วนงดออกเสียง 2 เสียง
ทั้งนี้ภายหลังทราบผลการลงคะแนน นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ได้กล่าวว่า คะแนนเสียงก้ำกึ่งอาจจะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น ขอให้มีการลงคะแนนใหม่ แต่นายชวน ไม่อนุญาต ขอให้ยึดตามคะแนนเดิม