เมื่อวันที่ (3 ก.ย. 62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าคดีการหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ ชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจาน หลานปู่คออี้ หรือนายโคอิ มีมิ ที่หายตัวไปตั้งแต่ปี 2557 ล่าสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ นัดแถลวความคืบหน้าของคดีในวันพรุ่งนี้ เวลา 13.00น.
มีข้อมูลว่า การแถลงนี้เกิดขึ้นหลังดีเอสไอ พบกะโหลกมนุษย์ ในถังน้ำมันขนาด 250 ลิตร อยู่ใต้น้ำบริเวณที่เป็นสะพานไม้ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จากนั้นจึงนำไปตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์รวมทั้่งตรวจ DNA ซึ่งต้องดูว่าหากเป็นบิลลี่จริง DNA ของกระดูกที่พบ ต้องตรงกับแม่ของบิลลี่ และต้องตรงกับลูกของบิลลี่ด้วย ซึ่งมีรายงานส่วนหนึ่งออกมาว่า DNA ที่ตรวจแล้วตรงกับฝั่งแม่บิลลี่ แต่ยังไม่ทราบผลตรวจว่าตรงกับลูกหรือไม่
ข้อมูลบางส่วน ถูกเปิดเผยจาก พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ ผอ.กองอำนวยการกองปฏิบัติการพิเศษภาค ดีเอสไอ ผู้ทำคดีบิลลี่ เปิดเผยในงานเสวนา วันผู้สูญหายสากล 30 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่จัดโดยมูลนิธิผสานวัฒนธรรม โดยระบุว่า จะมีข่าวดีเกี่ยวกับคดีการสูญหายของบิลลี่ หลังพบกระดูกมนุษย์ที่สงสัยว่าอาจเป็นบิลลี่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และนางพิณนภา พฤฤษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยาของบิลลี่ เคยบอกว่า ต้องการรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์จากโครงกระดูกชุดนี้ก่อน ที่จะขอขึ้นทะเบียนให้บิลลี่เป็นผู้สูญหาย
ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ไตรวิช น้ำทองไทย อดีตรองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 7 ซึ่งเคยเป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ บันทึกในสำนวนการสืบสวนว่า นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน(ในขณะนั้น) ที่ถูกพบเห็นว่าเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับบิลลี่ อ้างว่า มีพยานเป็นนักศึกษา 2 คน เห็นว่า ปล่อยตัวบิลลี่มาแล้ว แต่เมื่อเอาตัวนักศึกษามาสอบปากคำ พร้อมให้คุยกับพ่อแม่และอาจารย์ จนเมื่อสอบปากคำ นักศึกษาทั้ง 2 คนให้การว่าไม่เห็นบิลลี่ถูกปล่อยตัว พร้อมบอกว่า มีคนมาพาไปชี้จุดต่างๆ เพื่อให้มาให้การกับตำรวจ