ฝ่ายค้าน เผยเตรียมอภิปรายงบฯ ก.กลาโหม


โดย PPTV Online

เผยแพร่




การรวมตัวของ 7 พรรคฝ่ายค้าน ที่ยกทีมสัญจรลงพื้นที่จังหวัดยะลาและปัตตานี เป็นอีกหนึ่งในหลายเวทีที่มีวาระเพื่อรับฟังปัญหาเชื่อไปถึงการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ นอกจากการสะท้อนปัญหาความไม่สงบในพื้นที่แล้ว พรรคเพื่อไทย เตรียมอภิปรายงบประมาณปี 63 ที่อัดฉีดให้กองทัพมากกว่าด้านเศรษฐกิจ ส่วนพรรคพลังประชารัฐก็ลงพื้นที่ที่นครราชสีมา ถามประชาชนว่าจะแก้ปัญหาปากท้องก่อน หรือแก้รัฐธรรมนูญก่อน

เมื่อวันที่ (28 ก.ย.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวทีเสวนาพลวัตแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ สู่การนับหนึ่งรัฐธรรมนูญ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดปัตตานี ซึ่งจัดโดย 7 พรรคฝ่ายค้าน มีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ และตัวแทน พรรคฝ่ายค้านอีก 4 พรรค

"ธนาธร" ทวิตนายกที่ดีไม่ควรดูถูกปชช.- ไม่บริหารประเทศด้วยกูเกิล

ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ แสดงความเห็นว่า จังหวัดปัตตานีเป็นจังหวัดที่ลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้สูงที่สุดในประเทศไทย 72% และจังหวัดยะลากับนราธิวาสก็เกินกว่า 60% ที่ไม่รับ โดยย้ำว่ารัฐธรรมนูญที่ออกมาใช้มีปัญหา ซึ่งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องใช้ ม.44 มาพยุงข้อบกพร่องต่าง ๆ ไว้หลายมาตรา จึงเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากทั้งผู้นำประเทศ และรัฐธรรมนูญ  จึงขอเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ ลาออกซึ่งหากยังเป็นนายกรัฐมยตรี โอกาสการแก้ปัญหาของประเทศเป็นไปได้ยาก พร้อมย้ำว่ากฎหมายใดไม่มีความเสมอภาคกฎหมายนั้นไม่ควรมาใช้บังคับ พร้อมปิดท้ายด้วยคำพูดของประธานาธิบดีจีนว่า “เจรจาเป็นสิ่งที่ดี ถ้าข่มเหง อย่าหวังว่าจะชนะ”

“ทักษิณ” ฉลองปลดล็อกการเมือง หนุนแก้ รธน. ฉบับถ่วงความเจริญ

ขณะที่นายธนาธร ย้ำว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจำเป็นและเกี่ยวข้องกับความมั่นคงและเศรษฐกิจ โดยยกตัวอย่างกรณีการลงทะเบียนซิมการ์ดโดยต้องถ่ายภาพใบหน้าและลายนิ้วมือของเจ้าของ หากไม่ทำจะใช้ซิมไม่ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ถือเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพ ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 36 โดยความรุนแรงที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2547 จนถึงขณะนี้ ยังไม่เห็นสถานการณ์ในสามจังหวัดภาคใต้คลี่คลาย แม้มีกลุ่มที่ออกมาเรียกร้องให้ใช้รูปแบบการปกครองแบบพิเศษ คล้ายกับเชียงใหม่ และอุดรธานี หรือจังหวัดต่างๆ ที่มีความงดงามและหลากหลาย แต่รัฐบาลไม่รับฟัง และ พยายามเอากฎเกณฑ์แบบเดียวมาบีบบังคับให้ปฏิบัติไปในทางเดียวกัน

โดยส่วนประเด็นการพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 นายสมพงษ์ เปิดเผยจากการดูคร่าวๆ พบว่า งบประมาณมุ่งเน้นไปในด้านความมั่นคงมากกว่า การนำเงินไปใช้ประโยชน์เพื่อทำให้ประชาชนฟื้นตัวจากปัญหาเศรษฐกิจ พรรคฝ่ายค้านจึงจะหยิบประเด็นนี้มาตรวจสอบ และต้องดูว่าเป็นไปตามนโยบายที่ชี้แจงต่อรัฐสภาหรือไม่ ทั้งนี้นายสมพงษ์ เตรียมจะเอางบประมาณที่เคยผ่านการพิจารณาในยุค สนช. มาเปรียบเทียบ ส่วนการอภิปรายงบประมาณจะเน้นหนักไปในเรื่องเศรษฐกิจ ให้รัฐบาลได้รับทราบรับรู้ว่าปัญหาขณะนี้คืออะไร

งบฯกลาโหม ปี’63 พุ่ง 2.3 แสนล้าน “ประวิตร” แจงยังขาดแคลน

สหรัฐฯ ขาย เฮลิคอปเตอร์โจมตีให้ไทย 8 ลำ 12,000 ล้าน

ด้านพรรคแกนนำรัฐบาล คือ พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ อ.โนนสูง และ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา มี นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส.เขต 4 นครราชสีมา และนางสาววทันยา วงษ์โอภาสี  ส.ส.บัญชีรายชื่อ เปิดเวทีที่ใช้ชื่อว่า “ประชาธิไตยไทยอิ่ม ไม่ต้องแก้ก็กินได้” เป็นเวทีแรก เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นจากปากประชาชน

นางสาววทันยา กล่าวว่า นโยบายต่าง ๆ มาจากความตั้งใจของพรรคพลังประชารัฐและรัฐบาล ซี่งรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มี ส.ส.รับฟังปัญหาของประชาชนอยู่ทั่วประเทศ เพื่อทำทุกอย่างให้ประชาชนเข้มแข็งจากภายใน แต่มีพรรคการเมืองบางพรรคพยายามผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญและฉีกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทิ้ง จึงอยากถามประชาชนว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญกับการสร้างอาชีพสิ่งไหนสำคัญกว่ากัน และอ้างว่าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ งบประมาณของรัฐบาลที่จะขอรับการอนุมัติจากรัฐสภาต้องหยุดชะงักเพื่อเริ่มต้นใหม่ แต่รัฐบาลไม่อยากกลับไปเริ่มต้นใหม่ ต้องการแก้ปัญหาเพื่อเดินหน้าประเทศ ประชาธิปไตยสำหรับเราคือประชาธิปไตยที่กินอิ่ม กินได้ โดยไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญ

ขณะที่ระหว่างการลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา ของพรรคพลังประชารัฐวันนี้ มีตัวแทนจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส.และตัวแทนชุมชนต่าง ๆ มาร่วมด้วย โดย ธกส.แจ้งมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง โดยการพักหนี้ให้เกษตรกร เป็นเวลา 2 ปี และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้วงเงินไม่เกิน 3 แสนบาท  0.1% ไม่เกิน 1 ปี

ส่วนนายชาญกฤช แจ้งกับประชาชนว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วงเงินกว่า 20,000 ล้านบาท ประกอบด้วย มาตรการยืดเวลาช่วยจ่ายค่าน้ำ 100 บาท ต่อครัวเรือน ออกไปอีก 11 เดือน ยืดเวลาช่วยจ่ายค่าไฟฟ้า 230 บาทต่อครัวเรือน อีก 11 เดือน และภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เหลือ 2% จากปกติต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 ไปจนถึงเดือนตุลาคม 2563

 

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ