ผู้พิพากษายะลา จ่อยิงตัวเองอาการปลอดภัยแล้ว ด้าน โฆษกศาล เผย สาเหตุความเครียดส่วนตัว
โซเชียลแห่แชร์ อ้างสาเหตุ ผู้พิพากษายะลา ยิงตัวเอง
นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ในฐานะเลขานุการ ก.ต. กล่าวถึงกรณีที่ นายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลา ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองภายในศาลจนได้รับบาดเจ็บ โดยระบุว่าในวันจันทร์ที่ 7 ต.ค. นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ซึ่งตนในฐานะเลขานุการ ก.ต. จะทำหน้าที่นำเรื่องดังกล่าวรายงานต่อที่ประชุม ก.ต. แต่จะต้องดูว่าเมื่อนำเรื่องดังกล่าวรายงานที่ประชุมแล้ว ก.ต.จะมีความเห็นอย่างไรต่อไป
เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ระบุว่า ก.ต. เป็นองค์กรซึ่งทำหน้าที่ในการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม โดยมีหน้าที่ในการพิจารณาแต่งตั้ง โยกย้าย เลื่อนชั้น มีอำนาจให้คุณให้โทษผู้พิพากษาที่กระทำความผิด และยังมีหน้าที่สำคัญอีกอย่างคือการคุ้มครองความเป็นอิสระในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดี ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะเป็นอย่างไรนั้น ก.ต.จะเป็นผู้พิจารณา เพื่อมีมติในเรื่องนี้ต่อไป
ขณะที่เมื่อวานนี้ นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม ได้แถลงสั้นๆ ระบุว่า จากกรณีที่มีผู้พิพากษาใช้อาวุธปืนยิงตัวเองที่ศาลจังหวัดยะลานั้น ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว สอบถามในเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความเครียดส่วนตัวของท่าน ซึ่งทางสำนักงานศาลยุติธรรมจะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป อย่างไรก็ตามทางผู้บริหารศาลยุติธรรม มีความห่วงใยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้ติดตามสอบถามอาการอย่างใกล้ชิด
ด้าน นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า เท่าที่ผมทราบข้อมูลมาทั้งหมดจากคุณคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลา และผู้หวังดีส่งมาให้เราตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนเพื่อขอให้เราช่วยเปิดเผยต่อสังคม ทั้งหมดยืนยันว่าการตัดสินใจของคุณคณากร ไม่เกี่ยวกับเรื่องความเครียดส่วนตัวแน่นอน แต่เป็นเรื่องของการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องช่วยกันคุ้มครองความปลอดภัยของเขาด้วย โดยผมจะนำข้อมูลที่คุณคณากรและผู้หวังดีส่งให้แก่เราเปิดเผยต่อสาธารณชน สมดังเจตนารมณ์ของคณากร เพียรชนะ
“คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน”
ขณะที่ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาธนบุรี โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า
“อย่ารีบวิจารณ์สิ่งที่เห็น เพราะอาจเป็นภาพลวงตา” และอยากให้นักกฎหมายทั้งหลายอ่านคำพิพากษาทัังหมด อย่าอ่านแค่หน้าสองหน้า
รวมทั้งควรให้ผู้ที่ปรากฎในคำพิพากษาได้มีโอกาสชี้แจงก่อน เพราะเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนต่อองค์กรตุลาการและความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม