ในวันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปี หลายประเทศจะมีการจัดงาน “วันฮาโลวีน” หรือ “วันปล่อยผี” โดยเฉพาะในแถบยุโรป และ อเมริกา รวมถึงไทยเองก็มีด้วยเช่นกัน ในวันสำคัญนี้จะมีจัดกิจกรรมแต่งหน้าแต่งกายเลียนแบบผีนานาชนิด แต่งานนี้ที่ขาดไม่ได้คือ “ตะเกียงฟักทอง”
เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยว่าทำไม “ตะเกียงฟักทอง” ถึงเป็นสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีน? วันนี้เราจึงมาไขข้อข้องใจในประเด็นนี้
31 ตุลาคม “วันฮาโลวีน” เปิดตำนานความเชื่อสุดหลอนของชาวตะวันตก
วาเลนไทน์ 2566 เที่ยวไหนดี? เปิด 5 สถานที่สุดฟินกระชับความสัมพันธ์ของคนมีคู่
ตำนาน “ตะเกียงฟักทอง” นั้น เป็นเรื่องเล่าโบราณของชาวไอร์แลนด์ ที่กล่าวถึงชายชาวนาจอมเจ้าเล่ห์ชื่อ “แจ็ค” ที่ต้องเผชิญกับซาตานที่สมัยนั้นชอบออกตระเวนขอพืชผลจากชาวบ้าน ซึ่งไม่มีบ้านไหน กล้าปฏิเสธ เพราะกลัวต้องคำสาปของซาตาน
แต่การขู่เข็ญของซาตานใช้กับแจ็คไม่ได้ เพราะเขาไม่กลัวและไม่เคยหยิบยื่นอะไรให้ซาตานเลย วันหนึ่งซาตานแอบมาสำแดงตนให้แจ็คเห็น หวังจะให้เขาเปลี่ยนใจหันมาเกรงกลัวซาตาน แต่เหตุการณ์กลับเป็นตรงข้าม
หนหนึ่งแจ็คใช้อุบายหลอกล่อให้แปลงร่างเป็นเหรียญ หลังจากนั้นก็นำเหรียญใส่ไว้ในกระเป๋าติดกับไม้กางเขน ทำให้ซาตานต้องติดอยู่เหรียญนั้น เขาจึงเสนอข้อตกลงว่าถ้าอยากกลับมาสู่ร่างเดิมจะต้องสัญญาว่าจะไม่มายุ่งกับเขาเป็นเวลา 1 ปี ซาตานก็ตกลงอย่างจำใจ
หนึ่งปีผ่านไปซาตานได้กลับมาอีกครั้ง แจ็คก็ได้ออกอุบายอีกให้ซาตานปีนขึ้นไปบนต้นไม้ เมื่อซาตานสุดซื่อปีนขึ้นไป เขาจึงฉวยโอกาสนี้สลักต้นไม้เป็นรูปกางเขน ทำให้ซาตานติดกับดัก หนีไปไหนไม่ได้ และแจ็กเองก็ไม่ยอมปล่อยซาตานไป จนกว่าจะรับปากว่า เมื่อเขาตายแล้วจะไม่นำวิญญาณเขาลงนรกเด็ดขาด ซาตานไม่มีทางเลือกจึงต้องรับปาก
เมื่อแจ็ก เสียชีวิตลงด้วยเขาเป็นคนเจ้าเล่ห์ สวรรค์จึงไม่ต้อนรับเขา วิญญาณจึงล่องลอยไปยังปากทางนรก และพบกับซาตานคู่อริเก่าของเขา แต่ด้วยตามสัญญาที่ให้ไว้ ซาตานจึงปล่อยวิญญาณของแจ็กไป แต่ก็ยังใจดีให้แสงไฟส่องนำทางกับวิญญาณของแจ็คที่ต้องเร่ร่อน ไม่มีที่ไปตลอดกาล
ทุกคืนฮาโลวีนวิญญาณของแจ็คจะ เร่ร่อนไปในความมืด พร้อมแสงไฟส่อง ที่ครอบด้วยหัวผักกาด เพื่อให้ไฟใช้ได้นาน ซึ่งผู้คนเรียกแจ็คและไฟส่องของเขาว่า แจ็ค โอ แลนเทริน (Jack o'Lantern) ต่อมาเมื่อเรื่องเล่าเหล่านี้เข้ามาในอเมริกา ก็มีการเปลี่ยนมาใช้ผลฟักทองแทนจนทุกวันนี้
เพราะการใช้ฟักทองในวันฮาโลวีน หาง่ายกว่าผักกาด ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง อีกทั้งฟักทองผลใหญ่ เหมาะที่จะนำมาแกะสลักมากกว่าผักกาด และมีสีสันสวยงาม
นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อว่า เมื่อแกะสลักให้ดูน่ากลัวแล้ว ต้องนำไปแขวน หรือ วางไว้ที่หน้าต่าง หรือ ประตู เพราะจะสามารถปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายได้
อย่างไรก็ตามในส่วนของชาวไอริช ที่เชื่อกันว่าเป็นผู้ที่ริเริ่มเทศกาลฉลองเทพเจ้าแห่งความตาย เพื่อเตรียมตัวรับมือกับช่วงปืดของปี อันเป็นที่มาของวันฮาโลวีนนี้ นิยมแกะสลักหัวผักกาดเทอนิพ และใส่ดวงไฟเข้าไปด้านใน แสดงสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีน เพื่อระลึกถึง “การหยุดยั้ง ความชั่ว” ส่งผลบุญให้กับญาติผู้ล่วงลับ
วาเลนไทน์ 2566 เที่ยวไหนดี? เปิด 5 สถานที่สุดฟินกระชับความสัมพันธ์ของคนมีคู่
5 จุดเช็กอิน “ย่างกุ้ง” ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมือง ชิมอาหารท้องถิ่น
