ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนจำคุก 7 วัยรุ่น ฆ่าชายพิการขายขนมปัง


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยืนจำคุก 12-19 ปี 7 วัยรุ่น ร่วมกันฆ่าชายพิการขายขนมปังย่านโชคชัย 4 ชี้ไม่มีเหตุให้บรรเทาโทษ

เมื่อวันที่ (19 พ.ย.62) เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิดตัว นายพีรพล หรือ "เปา" ยศพงศ์อนันต์ กับพวก รวม 7 คน จำเลยในความผิดฐาน "ร่วมกันฆ่าผู้อื่น ฯ" จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปยังศาลอาญา เพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีฆ่าชายพิการ ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายพีรพล และพวก รวม 7 คน จากกรณีเมื่อวันที่ิ 1 พ.ค. 2559 พวกจำเลยได้ร่วมกันใช้อาวุธมีดแทง ฟัน และก้อนอิฐ ทำร้าย นายสมเกียรติ ศรีจันทร์ ชายพิการอาชีพขายขนมปังร้าน "ปังเว้ยเฮ้ย" จนถึงแก่ความตาย ภายในซอยโชคชัย 4 ย่านลาดพร้าว กรุงเทพฯ

ศาลพิพากษาจำคุก “7 วัยรุ่น” ฆ่าชายพิการโทษหนักสุดโดนคุก 19ปี

ญาติชายพิการ เตรียมอุทธรณ์ให้ประหาร-จำคุกตลอดชีวิต 7 วัยรุ่น โชคชัย 4

ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษา ปรากฏว่าฝ่ายจำเลยอุทธรณ์ต่อสู้คดีในหลายประเด็นปฏิเสธไม่ได้กระทำผิด เช่น การอ้างว่าคดีถูกกดดัน ฝ่ายผู้เสียชีวิตมีอาวุธมีดยาวกว่า เคยมีประวัติต้องคดี ไม่ได้ขว้างอิฐ ไม่ได้ตะโกนว่าเอาให้ตาย เป็นต้น โดยศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่าพยานโจทก์ที่เบิกความเป็นประจักษ์พยาน รวมถึงภาพถ่ายและกล้องวงจรปิด มีน้ำหนักหนักแน่น ไม่มีเหตุที่พยานโจทก์จะปรักปรำพวกจำเลย ไม่มีเหตุกดดัน กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา พวกจำเลยทั้งเจ็ดอยู่ร่วมกันในที่เกิดเหตุ ในลักษณะเป็นพวกกัน เป็นกำลังใจให้ฮึกเหิม รุมทำร้ายผู้ตายที่อวัยวะสำคัญ ตำรวจมาก็ไม่หยุด ขณะที่ผู้ตายต่อสู้เพื่อป้องกันชีวิตมากกว่ามีเจตนาทะเลาะ ประวัติของผู้ตายไม่ใช่ข้ออ้างในคดี

ส่วนที่จำเลยที่ 6 อ้างไม่ได้ขว้างอิฐ และจำเลยที่ 7 อ้างไม่ได้พูดว่าเอาให้ตาย เป็นการอ้างลอยๆ ฟังไม่ขึ้น เนื่องจากมีประจักษ์พยานหลายปาก พวกจำเลยเป็นลูกตำรวจ หากไม่ใช่เรื่องจริงพยานคงไม่กล้าเบิกความให้ร้ายปรักปรำ

ในส่วนที่จำเลยขออุทธรณ์ให้ศาลลงโทษในสถานเบา เนื่องจากขณะเกิดเหตุยังเป็นเยาวชนที่มีอายุ 18-22 ปี และไม่เคยกระทำผิดมาก่อน ส่วนโจทก์อุทธรณ์ให้ลงโทษสถานหนัก ศาลอุทธรณ์เห็นว่าพวกจำเลยอยู่ในวัยหนุ่มสาว กระทำโดยไม่คิดรอบด้าน และทำผิดโดยง่ายนำมาสู่การสูญเสีย แต่จากพฤติการณ์ที่ร่วมกันก่อเหตุฆ่าผู้อื่น ไม่มีเหตุบรรเทาโทษ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน

ด้านนายเมธัส ผลประเสริฐ หลานของผู้เสียชีวิต เปิดเผยหลังร่วมเข้ารับฟังคำพิพากษาว่า คงจะไม่ฎีกา ปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย พอใจแล้ว ส่วนชีวิตความเป็นอยู่ก็เปลี่ยนแปลงไป  พร้อมฝากเป็นอุทาหรณ์แก่ผู้ไม่บรรลุนิติภาวะ จำเลยกระทำความผิดขณะที่อายุ 18-22 ปี ศาลก็มองว่าจำเลยไม่บรรลุนิติภาวะ แต่เป็นการกระทำที่รุนแรงเกินไป จึงไม่ลดโทษให้ อยากฝากให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเตือนใจ

สำหรับคดีนี้ศาลชั้นต้นสั่งจำคุก นายพีรพล และนายมนต์มนัส หรือ "เต้ย" คนละ 18 ปี ปรับคนละ 1,000 บาท ส่วนนายอัครเดช หรือ "อั๋น" และนายอรินทร์ หรือ "เตอร์" รวมโทษจำคุกคนละ 19 ปี ปรับคนละ 1,000 บาท สำหรับนายจตุพร หรือ เบียร์ นายเมฆ และ น.ส. ณัฐณิชา หรือ เกมส์ จำคุกคนละ 12 ปี ปรับนายจตุพร และนายเมฆ คนละ 1,000 บาท นอกจากนี้ให้จำเลยร่วมกันชดใช้เงินให้กับโจทก์ ร่วมค่าขาดไร้ผู้อุปการะและอื่น ๆ จากการกระทำละเมิดรวม 5 แสนบาท และชดใช้เงินแก่โจทก์ร่วมเป็นค่าปลงศพอีก 250,000 บาท

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ