หลังจากกระทรวงสาธารณสุขมีหนังสือแจ้งไปยังคณบดีคณะเภสัชศาสตร์ เรื่อง การดำเนินการคัดเลือกนักศึกษาเภสัชศาสตร์ เข้าปฏิบัติงานชดใช้ทุนของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ในปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ลงนามโดย นพ.ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 15 พ.ย.2562 ว่า ในปี 2563 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่มีตำแหน่งข้าราชการเพียงพอที่จะบรรจุนักศึกษาเภสัชศาสตร์ที่เป็นนักเรียนทุน หากจะเข้าปฏิบัติงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จะจ้างงานรูปแบบอื่นแทนนั้น
สธ.ออกประกาศ ปี 63 ไม่บรรจุตำแหน่งข้าราชการสายวิชาชีพ ‘เภสัชกร’
วันที่ 3 ธ.ค.2562 นพ.ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงกรณีนี้ว่า เป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่ผ่านมา ซึ่งมีการจำกัดอัตรากำลังข้าราชการ โดยในส่วนนี้ทางกระทรวงได้มีการพิจารณาตามขั้นตอน จนได้มีติว่า เภสัชกรที่เป็นนักเรียนทุนและจะปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขก็จะไม่ได้เป็นข้าราชการนับตั้งแต่ปี 2563 แต่ในส่วนของกลุ่มเภสัชกรที่ปฏิบัติงานอยู่ก่อนหน้านั้น ก็จะมีการขยับตำแหน่งตามตำแหน่งที่เกษียณ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดปลัดกระทรวงสาธารณสุขมีคำสั่งให้ทบทวนค่า FTE หรือค่าภาระงานของแต่ละวิชาชีพใหม่ ว่า มีความจำเป็นในการปฏิบัติงานอย่างไร เพื่อนำมาพิจารณาและอาจได้ตำแหน่งเพิ่มเติมในส่วนของผู้ปฏิบัติงานเดิม
ด้าน ภก.ปิยเชษฐ์ จตุเทน ประธานชมรมเภสัชกรโรงพยาบาลชุมชน กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ความเห็น ว่า จริงๆเข้าใจว่า การจำกัดกรอบอัตราตำแหน่งข้าราชการ สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)สมัยก่อน ทำให้กระทรวงสาธารณสุขต้องปฏิบัติตาม ซึ่งในส่วนนี้ตนมองว่า เมื่อไม่มีตำแหน่งข้าราชการให้น้องเภสัชกรที่จบใหม่ แต่ก็ควรมีตำแหน่งสำหรับเภสัชกรที่ปฏิบัติงานมาก่อนหน้านี้ ซึ่งทำงานมาแล้วตั้งแต่ 5-8 ปี จนบัดนี้ยังไม่ได้เป็นข้าราชการ หลายคนยังเป็นพนักงานกระทรวงฯ เป็นลูกจ้าง ซึ่งยังมีเหลืออยู่ถึง 450 คน เรียกว่ายังค้างท่ออยู่ หากเป็นไปได้อยากให้มีตำแหน่งให้กับกลุ่มที่ทำงานเดิมเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ
“ทราบมาว่า นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้มีการทบทวนค่า FTE ใหม่ เพราะของเดิมพิจารณาจากฐานข้อมูลเมื่อปี 2556 ซึ่งภาระงานตอนนั้น กับขณะนี้ไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม เดิมทีกระทรวงฯจะจัดสรรตำแหน่งข้าราชการให้น้องเภสัชกรที่จบใหม่ หรือนักเรียนใช้ทุนปีละประมาณ 350 ตำแหน่ง ส่วนกลุ่มค้างท่อก็จะอีกกลุ่ม ดังนั้น ก็น่าจะพิจารณาเอา 350 ตำแหน่งที่เคยให้นักเรียนทุนมาให้กลุ่มค้างท่อแทน เพราะทราบว่า เดิมมีแผนจะจัดสรรให้จำนวน 60-70 ตำแหน่ง ซึ่งไม่เพียงพอ อย่างน้อยก็น่าจะ 350 ตำแหน่งจาก 450 ตำแหน่งที่ค้างท่ออยู่ก็ถือว่ายังดี” ภก.ปิยเชษฐ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ว่า เมื่อมีประกาศนี้ออกมาคนจะไม่อยากเรียนเภสัชกร ภก.ปิยเชษฐ์ กล่าวว่า ก็ต้องขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทาน เพราะหากผลิตมากเกินตลาดก็ต้องปรับตัว ไม่ใช่แค่วิชาชีพเภสัชกร วิชาชีพอื่นๆก็ด้วย เท่าที่ทราบปีหน้าก็อาจไปจำกัดตำแหน่งวิชาชีพอื่นด้วย ซึ่งปัจจุบันสถาบันการศึกษาผลิตออกมาเยอะเพราะผลิตมาตั้งแต่ช่วงขาดแคลน และยิ่งปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น หลายวิชาชีพก็ต้องปรับตัวด้วย ยอะรวมไปถึงมีการใช้เอไอก็เข้ามาแทนที่ เราก็ต้องปรับตัวด้วย
พยาบาลวิชาชีพ ขู่ซ้ำ ไม่บรรจุระวังสมองไหลไป รพ.เอกชน
