วันนี้ 6 ม.ค. 2563 ประชาชนในพื้นที่จ.นนทบุรี ที่อาศัยอยู่ใกล้กับสำนักงานการประปานครหลวง สาขานนทบุรี นำภาชนะมากรอกน้ำประปาดื่มได้ ที่นีเป็น 1 ใน 18 จุด ที่การประปานครหลวง ตั้งจุดให้บริการน้ำประชาดื่มได้ให้ประชาชนนำไปดื่มได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย พื่อบรรเทาความเดือดร้อน ในช่วงที่สถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงจนทำให้มีความเค็มผ่านเข้ามาในระบบผลิตน้ำของ กปน.
วิกฤตภัยแล้ง ทำน้ำประปาเค็ม กระทบกลุ่มเสี่ยง “ความดัน-ไต-หัวใจ”
เสรี แนะ ชาวกทม.ซื้อน้ำขวดกินแทนแก้ปัญหาประปาเค็ม
โดยไม่สามารถกำจัดความเค็มออกจากน้ำดิบได้ ทำให้รสชาติของน้ำประปาในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาเปลี่ยนไป สามารถรับรู้ถึงรสชาติกร่อยเล็กน้อยในบางช่วงเวลา
ชาวบ้านที่มารับน้ำดื่มจาก กปน.วันนี้มีทั้งคนที่บริโภคน้ำประปาเป็นหลัก อย่างเช่นนายเกษม ชาวจังหวัดนนทบุรีคนนี้ ทันทีที่ทราบว่ามีการแจกน้ำที่ื่มได้อย่างปลอดภัยจึงมากรอกน้ำไปดื่ม เพราะครอบครัวใช้น้ำประปาเป็นหลัก
แต่หลังจากที่น้ำประปาเริ่มออกรสเค็ม ใชช่วงที่ผ่านมาจึงไม่กล้าดื่ม เพราะกังวลว่าจะกระทบกับโรคประจำตัวที่เป็นอยู่ การมารับน้ำที่จุดนี้ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการไปซื้อน้ำขวดมาดื่ม
ด้านนายคมกฤช ทินกร ณ อยุธยา ผู้เชี่ยวชาญการประปานครหลวง ระบุการแจกน้ำของ กปน.จำดำเนินไปจนกว่าจะพ้นวิกฤต หรือ ประมาณช่วงเดือนก.ค. และจะสงวนเฉพาะการดื่มเท่านั้น และจำกัดปริมาณโดยให้นำภาชนะที่นำมาบรรจุน้ำควรไม่เกิน 200 ลิตร
ส่วนการตรวจสอบระดับความเค็มในน้ำดื่ม ประชาชนสามารถตรวจสอบได้เองจากแอพพลิเคชั่นต่างๆ เช่น MWA onMobile หรือ Call Center 1125 ตลอด 24 ชั่วโมง หากค่าคลอไรด์ในน้ำดื่มมีปริมาณเกิน 250 กรัมต่อลิตร จะเริ่มรับรู้รสชาติกร่อย และรู้สึกได้ว่ามีความเค็มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในบางช่วงเวลาแต่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพคนปกติ
ทีมข่าวพีพีทีวีสำรวจพื้นที่เมืองนนทบุรี พบว่าส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือร้านขายน้ำชง หรือ ร้านชานมไข่มุก เจ้าของร้านบอกว่าปกติจะใช้น้ำประปาต้ม ก่อนชงน้ำเมนูต่างๆให้ลูกค้า แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วประมาณช่วงวันที่ 3 ม.ค.ลูกค้ากลับนำเครื่องดื่มมาคืน บอกว่าชานมที่ซื้อไปมีรสเค็ม ก่อนที่เจ้าของร้านจะลองชิม ซึ่งก็พบว่ามีรสเค็มจริง และเมื่อไปดื่มน้ำประปาจากก๊อกน้ำจึงพบว่า มีความเค็มแม้จะนำไปต้มก็ไม่สามารถลดความเค็มได้ จึงต้องกดน้ำจากตู้แบบหยอดเหรียญมาใช้แทน
เจ้าของร้านชานมไข่มุก ระบุว่าแม้จะทราบดีว่าสถานการณ์ภัยแล้งและภาวะน้ำประปาเค็มอาจจะเกิดขึ้นยาวไปจนถึงเดือนก.ค.หรือจนกว่าจะถึงฤดูฝน แต่ไม่ได้กังวลว่าจะได้รับความเดือดร้อน แต่ต้องการข้อมูลจากภาครัฐฯที่ชัดเจนว่าควรรับมืออย่างไร
นอกจากนี้ยังต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของประชาชนว่าความเค็มของน้ำระดับไหน ถึงจะสามารถบริโภคได้
