นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึง เศรษฐกิจไทยปี 2563 มีแนวโน้มขยายตัวเร่งขึ้นจากปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ร้อยละ 2.8 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.3 – 3.3) “ตามการลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการการเงินการคลังเพื่อสนับสนุนการลงทุนในประเทศ”
เซ่น “ไวรัสโคโรนา” ทำพิษหุ้นโลกร่วงระนาว ท่องเที่ยวเสียหาย “แสนล้าน”
“ไทยพาณิชย์” ออกมาตรการด่วนช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมทั่วประเทศ
แต่ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ “ สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจจีน”
ส่วนการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (Brexit) การดำเนินนโยบายการเงินของประเทศพัฒนาแล้ว รวมทั้งการลงทุนภาคเอกชนที่จะได้รับการสนับสนุนจากมาตรการการเงินการคลังเพื่อสนับสนุนการลงทุนในประเทศ ปี 2563 ก็ยังต่อติดตามอย่างใกล้ชิด
แต่จะมีปัจจัยบวกอะไรที่จะมาช่วยดันเศรษฐกิจไทย? นายลวรณ บอกว่า ปัจจัยภายในประเทศยังมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนาดใหญ่ของรัฐวิสาหกิจ โครงการร่วมลงทุนของภาครัฐและเอกชน (PPP) ในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะไปช่วยสร้างความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและช่วยกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนในประเทศได้มากขึ้น
ส่วนภาคส่งออกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ และแนวโน้มการเติบโตของปริมาณการค้าโลกที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้น ส่วนการใช้จ่ายของภาครัฐและภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง
ปี 2562 เศรษฐกิจไทยโตร้อยละ 2.5 ชะลอลงจากปีก่อนหน้า
สุดท้าย ในด้านเสถียรภาพภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2563 จะอยู่ที่ร้อยละ 0.8 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.3 – 1.3) ปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ