วันที่ 4 มี.ค. 2563 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำเอกสารที่อ้างว่าเป็นหลักฐานเข้ายื่นต่อ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จำนวน 3 คน
ตำรวจชี้ “ธวัชชัย” ตายในห้องขังเป็นคดีประวัติศาสตร์
ซึ่งนายอัจฉริยะ อ้างว่า มีหลักว่าทั้งสามคนอยู่กับนายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าหน้าที่จังหวัดพังงา ที่เบื้องต้นพบว่าอาจใช้ถุงเท้าฆ่าตัวตายในห้องควบคุมตัวผู้ต้องหาของดีเอสไอ ระหว่างนายธวัชชัย ถูกนำตัวมาสอบสวนในคดีตกเป็นผู้ต้องหาออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบ พื้นที่จังหวัดพังงา
โดยนายอัจฉริยะ อ้างว่า ดีเอสไอไม่เคยเอาจริงในการสืบสวนประเด็นนี้ ไม่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ทั้ง 3 คน จึงขอให้ผู้บัญชการตำรวจนครบาล ตั้งคณะทำงานสอบสวนสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
ส่วนกรณีที่น้องชายของผู้เสียชีวิต มอบหมายและแต่งตั้งทนายความ ให้รับผิดชอบเร่งรัดคดี นายอัจฉริยะบอกว่า เป็นคนละส่วน และน้องชายผู้เสียชีวิตเตรียมยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ต่อไปแล้ว
ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ชี้แจงเรื่องนี้ว่าได้ดูคลิปที่นายอัจฉริยะ เฟซบุ๊กไลฟ์แล้ว มีการพูดถึงหลายส่วนมาก แยกไม่ออกเป็นเรื่องใดบ้าง เพราะฟังแล้วบางเรื่อง ก็ไม่จริง บางเรื่องก็เข้าเค้า และเรื่องทั้งหมดเกิดก่อนมาเป็นรมว.ยุติธรรม
เรื่องที่พูดเกินเลยไปคือ การบอกว่ากระทรวงยุติธรรมมีการทุจริตนับหมื่นล้านบาท ซึ่งข้อเท็จจริงงบประมาณกระทรวงยุติธรรมมีน้อยกว่ากระทรวงอื่น หากบอกว่าทุจริตหลัก 10-20 ล้านบาท ยังพอเป็นไปได้บ้าง ส่วนเรื่องนายธวัชชัย เสียชีวิตในห้องขังดีเอสไอได้ณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว และจะให้โฆษกกระทรวงยุติธรรมแถลงความชัดเจน
นายสมศักดิ์ ขอบคุณนายอัจริยะ ที่เปิดเผยชื่อเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ที่อาจเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนายธวัชชัย เพื่อการตรวจสอบจะเร็วขึ้น
ศาลสั่งคดีชันสูตรพลิกศพ "ธวัชชัย" ชี้ “ถูกผู้อื่นทำให้ตาย”
