จากกรณีที่ผู้ปกครองนักเรียนชั้น ม. 1 โรงเรียนจัตุรัสวิทยาคาร จ.ชัยภูมิ ร้องเรียนสื่อมวลชนพร้อมกับชี้บริเวณหูของหลายชาย วัย 13 ปี ที่ถูกครูพละตบบ้องหู และใช้เท้าเตะซ้ำได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะหูข้างซ้ายที่ฟังเสียงได้ไม่ชัดเจน ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา
โดยยายของเด็กผู้เสียหาย เล่าว่า หลังจากหลานชายกลับจากโรงเรียนและบอกว่าไม่อยากไปเรียน โดยไม่บอกสาเหตุ แต่สังเกตเห็นบริเวณหูมีรอยช้ำ คล้ายถูกทำร้ายร่างกาย หลังจากนั้นยายจึงพาหลานชายไปให้แพทย์โรงพยาบาลชัยภูมิตรวจรักษา แพทย์ระบุว่า แก้วหูฉีกขาดและหูอาจหนวกได้ จนกลายเป็นคนพิการ ซึ่งจะต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ตรวจรักษาอีกครั้ง
หลังจากนั้น จึงพยายามเค้นถามหลานชายจนทราบว่า ถูกครูพละทำร้าย ซึ่งระหว่างเรียนวิชาพละได้หยอกล้อเล่นกับเพื่อน จนทำให้ครูไม่พอใจเรียกออกไปทำโทษ โดยตบบ้องหู และเมื่อเขาล้มลง ครูได้ใช้เท้าถีบที่ใบหน้า และเตะเข้าที่ด้านหลังซ้ำอีก ทำให้หลานชายไม่กล้าไปโรงเรียนและขอย้ายไปเรียนที่อื่นแทน จึงต้องมาร้องผู้สื่อข่าวเพื่อขอความเป็นธรรมให้กับหลานชาย
ล่าสุดนายสวาท ฦาชา รอง ผู้อำนวยการ เขตสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาชัยภูมิ เขต 30 หรือ สพม.เขต 30 ชัยภูมิ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีนี้แล้ว พร้อมเปิดเผยว่า ได้มีคำสั่งให้ทางผู้บริหารโรงเรียนและครูพละคนดังกล่าวทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงโดยด่วน และเตรียมย้ายครูไปช่วยราชการประจำ สพม.เขต 30 ไว้ก่อน เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนผลสอบวินัยหากพบผิดจริงจะดำเนินการตามขั้นตอนบทลงโทษของทางราชการ ซึ่งผู้เสียหายยังไม่ได้แจ้งความเอาผิดทางคดีอาญา
สำหรับเด็กนักเรียนผู้เสียหาย ทางโรงเรียนได้นำตัวไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลเซนต์เมรี่ จ.นครราชสีมา และช่วยเหลือเยียวยาทางครอบครัวต่อไป