อัปเดตข่าว สถานการณ์ โควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุด 1 พ.ค. 63
อัปเดตข่าว โควิด-19 (COVID-19) ล่าสุด 1 พ.ค. 63
เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถนนมิตรภาพ กม. 35 ในอำเภอ มวกเหล็ก จังหวัด สระบุรี หนาแน่นไปด้วยรถที่กำลังมุ่งหน้าสู่ภาคอิสาน ผ่านทาง อำเภอปากช่องปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ปริมาณรถที่หนาแน่นนี้ คือเป็นสัญญาณว่า ขณะนี้มีการเคลื่อนย้ายประชากรจำนวนประชากรออกไปสู่ต่างจังหวัดจำนวนมาก
ด้านจังหวัดภูเก็ตที่วันนี้ถือเป็นวันแรกที่ประชาชนสามารถเดินทางออกนอกพื้นที่ได้ตามมาตรการผ่อนปรน บริเวณด่านคัดกรอง บ้านท่านุ่นตำบลโคกลอย อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดภูเก็ต ในเขตรอยต่อ ภูเก็ตกับพังงา แม้เจ้าหน้าที่จะตรวจคัดกรองเข้มข้นเพียงไหน ประชาชนก็พร้อมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพื่อที่จะได้เดินทางกลับภูมิลำเนา
โดยภาพลักษณะนี้ที่ปรากฏในหลายพื้นที่ ทำให้เกิดความกังวล โดยเฉพาะศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 หรือ ศบค.ต้องออกมาแสดงความกังวล และขอความร่วมมือให้ประชาชนเดินทางเท่าที่จำเป็น เพราะยังมีข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่าจากสถิติ ในช่วงที่ผ่านมา มีรายงานตัวเลขของการใช้ระถยยนต์และขนส่งสาธารณะ เพิ่มมากขึ้น โดยพบว่า จากวันที่ 16 เมษายน ที่มีคนเดินทาง 800,000 คน ต่อวัน ได้เพิ่มขึ้นเป็น 960,000 ต่อวัน ในวันที่ 30 เมษายน จากตัวเลขนี้จังทำให้น่าเป็นห่วงว่าหากไม่ระมัดระวังตัว การป้องกันการติดเชื้อก็จะพบกับความเสี่ยงติดโรคเพิ่ม
ขณะที่สถาการณ์ของโรค โควิด-19 วันนี้ ศบค.เปิดเผยข้อมูลว่า พบผู้ติดเชื้อ เพิ่ม 6 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิต โดยมีคนที่ยังต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 187 คน แม้จะยังไม่ปลอดโรค 100 เปอร์เซน แต่ถือเป็นแนวโน้มที่ดี ทั้งนี้ โฆษก ศบค. ชี้ แจงว่า การใช้ชีวิตของประชาชนยังคงต้องเป็นไปด้วยความระมันระวังเพราะผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ มี บางส่วนที่ติดจากการไปตลาดแห่งหนึ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นั่นหมายความว่าหากเราไม่ระวังตัวก็ยังมีโอกาสรับเชื้อได้ตลอดเวลา กรณีการผ่อนปรนที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้ โดยต้องขอความร่วมมือจากประชาชนและทุกส่วน ให้ระมัดระวัง
ทั้งนี้ ร้านอาหารและร้านค้าทั่วไป ซึ่งจะกลับมาเปิดให้บริการประชาชน ตามมาตรการที่ ศบค. ประกาศไปก่อนหน้านี้ ต่างก็เตรียมความพร้อมตามมาตรฐานความปลอดภัย โดยหลายร้านได้เริ่มทำความสะอาดร้าน และจัดที่นั่งให้เว้นระยะห่างกันประมาณ 1 เมตร ร่วมถึงมีการเตรียมเจลล้างมือไว้ให้บริการ แต่บางส่วนสะท้อนว่าหากจะให้ตรวจวัดไข้ก่อนเข้าร้านคงไม่สะดวกมากนัก นอกจากนี้บางร้านมีแนวคิดที่จะใช้ภาชนะใส่อาหารแบบครั้งเดียวทิ้ง เพื่อลดความเสี่ยงในการใช้ของร่วมกัน ขณะที่ร้านจิ้มจุมแห่งหนึ่ง เจ้าของก็ยอมรับว่า ไม่แน่ใจว่าจะมีลูกค้ามาใช้บริการแบบนั่งทานที่ร้านได้ แต่ก็พร้อมทำเพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น หากไม่มีลูกค้ามานั่งทานอาหารที่ร้าน ก็จะกลับมาขายแบบเดิม คือแบบส่งให้กลับไปกินที่บ้าน โดยยืนยันว่าจะไม่หยุดขาย เพราะมีภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบในทุกเดือน
