อัปเดตข่าว สถานการณ์ โควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุด 6 พ.ค. 63
เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สามีของผู้หญิงที่ถูก น.ส.ลักขณา กริ่มใจ นำรูปไปใช้แอบอ้างในเฟซบุ๊กปลอม เปิดเผยกับทีมข่าว ว่า ตอนแรกเข้าใจว่า น.ส.ลักขณา ไปหลอกแค่ชายใน จ.ขอนแก่น คนเดียว แต่ปรากฏว่าหลังจากเป็นข่าวออกไป มีเหยื่อหลายรายติดต่อเข้ามาสอบถาม ทั้งหมด 13 ราย ความเสียหายนับล้านบาท
โดยรายแรก คือนายสุดปิติ ชาว จ.ขอนแก่น หลอกเงินไปกว่า 107, 000 บาท รายที่ 2 อยู่ที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เสียเงินไป 76, 000 บาท รายที่ 3 อยู่ที่ จ.ปทุมธานี โดนไป 50, 000 กว่าบาท และรายที่ 4 อยู่ กทม.รายนี้โดนไปเกือบ 140,000 บาท ซึ่งรายนี้ถูกหลอกให้โอนเงินมากกว่า 100 ครั้ง ในช่วงเวลาที่คุยกัน โดยเหยื่อ 4 คนนี้ ถูกหลอกโดยใช้รูปของผู้หญิงที่ชื่อพราว
ทั้งนี้แต่วีรกรรมของ น.ส.ลักขณา ไม่จบแค่นี้ เพราะมีเหยื่อรายที่ 5 ติดต่อเข้ามา พร้อมพ่วงเหยื่อในสังกัดที่รวมตัวกันเป็นกรุ๊ปไลน์ 9 คนเข้ามาด้วย ผู้เสียหายหรือเหยื่อ 9 คนนี้ ไม่ได้ถูกหลอกโดยใช้รูปของพราว แต่ใช้รูปผู้หญิงคนอื่นอีก 2 คน ซึ่งเคยแจ้งความตำรวจ สน.ดินแดง และออกหมายจับ น.ส.ลักขณาแล้ว เมื่อปี 2560 ล่าสุดมีความเสียหายนับล้านบาท
สำหรับพฤติกรรมการหลอกลวงเหยื่อ สามีหญิงที่ถูกนำรูปภาพไปแอบอ้างในเฟซบุ๊ก บอกว่า ต้องใช้คำว่า "มหาเทพในการหลอกลวง" เพราะ น.ส.ลักขณา ปลอมเฟซบุ๊กด้วยการสร้างเรื่องราวมาเป็นปี ๆ ให้เหยื่อตายใจว่านี่คือตัวจริง เปรียบเสมือนการปลูกต้นไม้แล้วรอเก็บเกี่ยวผลผลิตตอนหลัง จนเหยื่อบางรายบอกว่ารู้สึกผูกพันกับครอบครัวของผู้หญิงตัวจริงมากจนเหมือนเป็นคนในครอบครัว และการคุยกับเหยื่อ ของ น.ส.ลักขณา ก็ไม่ซ้ำรูปแบบ เพราะจะศึกษาพฤติกรรมของผู้ชายแต่ละคนว่าชอบแบบไหน เหยื่อบางคนบอกว่า ลักขณาเป็นผู้หญิงอบอุ่น นุ่มนวล อ่อนแอ แต่กับเหยื่อบางคนก็จะคุยในลักษณะเร่าร้อน หรือเซ็กส์โฟน รวมถึงมีการโกหกที่แนบเนียน เป็นมืออาชีพ เช่น ชื่อบัญชีที่ให้โอนเงินชื่อเธอก็หลอกว่าซื้อของกับแม่ค้าคนนี้
สามีของผู้หญิงที่ถูกนำรูปภาพไปแอบอ้างหลอกลวงผู้อื่น มองว่า เหยื่อรายแรกที่กล้าออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ เป็นคนกล้าหาญ แต่ก็น่าสงสาร เพราะถูกสังคมตราหน้าว่าโง่ โดยเขาบอกว่าสังคมไม่ควรไปตำหนิผู้เสียหาย เพราะแต่ละคนมีความเข้มแข็งและคความบอบบางทางจิตใจ ไม่เหมือนกัน ควรไปตำหนิ น.ส.ลักขณา และป้องกันไม่ให้เธอไปหลอกใครได้อีก
ล่าสุดผู้เสียหายที่ถูก น.ส.ลักขณาหลอกลวง กำลังรวมตัวกันแจ้งความให้ดำเนินคดีเพิ่ม ขณะที่หลายคนกังวลว่า เมื่อเหยื่อแสดงตัวเพิ่มขึ้น น.ส.ลักขณาอาจจะหลบหนีเพราะการชดใช้ค่าเสียหาย อาจจะทำได้ยาก เพราะมูลค่าเป็นล้านบาท และอยากให้ตำรวจดำเนินคดีโดยเร็ว
ด้านนายวรภพ วรวัตร์ ผู้เสียหายรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ถูกหลอกตั้งแต่ปลายปี 2560 โดย น.ส.ลักขณา ใช้ชื่อในเฟซบุ๊กว่า “ดาว พรพิมล” ช่วงแรกพูดคุยในลักษณะของการจีบกัน เมื่อคุยสักพักหนึ่งก็รู้ก็เบื่อ เลยไม่ทักไปอีก จนกระทั่งวันหนึ่งเขาโพสต์รูปว่าอยากไปเที่ยว น.ส.ลักขณา ก็ทักมาชวนรวมกลุ่มไปเที่ยวด้วยกันเป็นกลุ่มพร้อมกับเพื่อนของ น.ส.ลักขณาอีกคนหนึ่ง โดย น.ส.ลักขณา อาสาประสานเรื่องที่พักให้ จึงโอนเงินไปให้ 2 ครั้ง รวมเป็นเงิน 2,200 บาท หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อ ได้อีก กระทั่งไปพบเมนต์ในหน้าเฟซบุ๊ก “ดาว พรพิมล” ว่าเธอคือมิจฉาชีพ จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก
นายวรภพ เล่าต่อว่า หลังจากนั้นผู้เสียหาย 4-5 คน ที่ถูกหลอกช่วงปี 60 แจ้งความในแต่ละท้องที่ที่อยู่อาศัย และรวมตัวกันไปที่กองบังคับการปราบปราม แต่มูลค่าความเสียหายรวมกันเพียงหลักแสนยบาท ไม่เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน จึงไปที่แจ้งความตำรวจ ปอท. ซึ่งได้ประสานกลับมายังโรงพักท้องที่ให้ดำเนินการต่อ แต่สุดท้ายผ่านมา 3 ปี คดีก็เงียบหายไป กระทั่งพบข่าวหญิงคนนี้ก่อเหตุในลักษณะเดิม
