คนดังสหรัฐฯ ไว้อาลัย “จอร์จ ฟลอยด์” ประท้วงเหยียดสีผิว
สถิติการสังหารชาวแอฟริกัน-อเมริกันโดยตำรวจ 7 ปีที่ผ่านมา ตายเกือบ 2 พันคน
การชันสูตรที่ทำครั้งแรกอย่างเป็นทางการ หน่วยงานที่ทำคือ เคาน์ตี เฮนเนพิน ซึ่งเป็นท้องที่ที่เกิดเหตุออกมาว่า จอร์จ ฟลอยด์ถูกกดคอก็จริง แต่สาเหตุการเสียชีวิตมาจากโรคประจำตัว. ซึ่งทางครอบครัวไม่เชื่อในผลชันสูตรนี้ และไปว่าจ้างนิติเวชอิสระมาชันสูตรอีกครั้ง คนที่ทำหน้าที่ในการชันสูตรครั้งที่ 2 นี้เป็นแพพทย์ชื่อดัง เคยทำคดีใหญ่ๆมากมาย รวมถึงคดี JFK และ OJ Simpson ชื่อว่านายแพทย์ ไมเคิล เบเดน ผลล่าสุดออกมาสรุปว่า สาเหตุการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์คือ การหายใจไม่ออก ซึ่งขัดแย้งกับผลตรวจของทางการ
ผลการชันสูตรจากนายแพทย์ ไมเคิล เบเดน ที่ครอบครัวของฟลอยด์ว่าจ้างมาระบุว่า สาเหตุของการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์คือ “การขาดอากาศหายใจจากการถูกกดทับเป็นเวลานาน” (“Asphyxiation from sustained pressure”) ซึ่งเกิดขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เข่ากดทับบริเวณคอและหลังของฟลอยด์
ผู้คนในหลายประเทศทั่วโลกร่วมประท้วงการตายของ “จอร์จ ฟลอยด์”
โดยการกดทับในลักษณะนั้นส่งผลให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงสมองได้ และเป็นสาเหตุที่ทำให้ฟลอยด์เสียชีวิต ซึ่งผลการชันสูตรจากนายแพทย์ ไมเคิล เบเดน ขัดแย้งกับการชันสูตรที่ทำก่อนหน้านั้นโดยทางการ
แต่ก่อนหน้านี้ผลชันสูตรจากทางการของเขตเฮนเนพิน ในรัฐมินนิโซตา ระบุสาเหตุการเสียชีวิตของฟลอยด์มาจากการที่เขาถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวประกอบกับปัญหาทางสุขภาพของเขา เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจที่ก่อให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว และอาจมีสารเสพติดในร่างกายที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต เจ้าหน้าที่นิติเวชของทางการยังระบุด้วยว่า ไม่พบหลักฐานหรือสิ่งที่สนับสนุนเรื่องการขาดอากาศหายใจจากการถูกบีบรัดคอ
1 สัปดาห์แห่งความโกรธแค้น เกิดอะไรขึ้นบ้างในคดี “จอร์จ ฟลอยด์”
นายแพทย์ไมเคิล บาเดน ออกมาให้สัมภาษณ์หลังชันสูตรศพของจอร์จ ฟลอยด์เสร็จสิ้น โต้แย้งผลการชันสูตรก่อนหน้านี้ของทางการ โดยเขาระบุว่า การเสียชีวิตของฟลอยด์ไม่ได้เกิดจากปัญหาสุขภาพอย่างที่ทางการระบุ แต่เกิดจากการหายใจไม่ออกและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เขาบอกด้วยว่ารถฉุกเฉินที่มาถึงและทำทีว่ามาช่วยฟลอยด์ เป็นเพียงแค่รถมาขนศพเท่านั้น
เป็นหนึ่งในทีมสอบสวนการลอบสังหารประธานาธิบดี John F Kennedy ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 1963 เป็นผู้ชันสูตรร่างของสาธุคุณ Martin Luther King Junior นักเคลื่อนไหว เรียกร้องสิทธิคนผิวดำที่ถูกสังหารในปี 1968 เป็นหนึ่งในผู้ทำทำคดี OJ Simpson ด้วย รวมถึงกรณีล่าสุดคือ การชันสูตรร่างของโคบี้ ไบรอัน นักบาส NBA ระดับตำนานที่เสียชีวิตจากเฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ขณะที่เดเรก ชอวิน อดีตเจ้าที่ตำรวจที่กดเข่าบริเวณคอของจอร์จ ฟลอยด์ ถูกจับในข้อหาฆาตกรรมเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ซึ่งเขาถูกจับในความผิดฐานฆาตกรรมระดับสาม (Third-degree Murder) หรือการฆาตกรรมโดยไม่มีเจตนา โดยกฎหมายของรัฐมินนิโซตาระบุความผิดฐานฆาตกรรมไว้ 3 ระดับดังนี้
1) การฆาตกรรมระดับหนึ่ง (Murder in the First Degree) คือฆาตรกรรมที่ร้ายแรงที่สุด เช่นฆาตกรรมที่มีการวางแผนและไตร่ตรองมาก่อนหรือโดยเจตนา ผู้กระทำความผิดมีโทษจำคุกตลอดชีวิต
2) การฆาตกรรมระดับสอง (Murder in the Second Degree) คือฆาตกรรมโดยเจตนาเเต่ไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน หรือเพราะมีสิ่งเร้าจึงก่อเหตุ ผู้กระทำความผิดมีโทษจำคุกไม่เกิน 40 ปี
3) การฆาตกรรมระดับสาม (Murder in the Third Degree) คือฆาตกรรมโดยไม่มีเจตนา ผู้กระทำความผิดมีโทษจำคุกไม่เกิน 25 ปี จะเห็นได้ว่าข้อหาของชอวิน คือฆาตกรรมที่มีความร้ายแรงน้อยกว่าและมีโทษน้อยที่สุด แต่มีหลายเสียงรวมไปถึงครอบครัวของฟลอยด์ระบุว่า ชอวินควรถูกตั้งข้อหา ความผิดฐานฆาตกรรมระดับหนึ่ง (First-degree Murder) ที่มีโทษรุนแรงกว่า
ขณะนี้มี 3 รัฐของสหรัฐฯ ที่ระบุกฎหมายเกี่ยวกับการฆาตกรรมที่จำแนกไว้ 3 ระดับแบบนี้ ซึ่งนั่นก็คือ รัฐฟลอริดา รัฐเพนซิลเวเนีย และรัฐมินนิโซตา มีข้อที่น่าสังเกตุด้วยว่า ผู้ประท้วงจำนวนมากมีการเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีกับตำรวจอีก 3 คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่ง 2 ใน 3 คนปรากฎในคลิปได้ใช้กำลังกดไปที่ตัวของฟลอยด์ด้วย ขณะที่อีกคนยืนดู
