รายได้การท่องเที่ยวสเปนกลายเป็น ศูนย์ จาก โควิด-19
เราจึงเห็นหลายประเทศแร่งคลายล๊อกก่อนที่จะมีการควบคุมการระบาดได้ อย่างที่ประเทศเซอร์เบีย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป
ปัญหาคือ การคลายล๊อกเร็วเกินไป ทำให้การระบาดกลับมารุนแรงอีก ทำให้รัฐบาลต้องประกาศล๊อคดาวน์อีกรอบ คราวนี้ประชาชนไม่พอใจ จริงๆต้องใช้คำว่าโกรธเกรี้ยวอย่างหนัก ออกมาต่อต้านมาตรการล๊อกดาวน์นี้ ลุกลามกลายเป็นความรุนแรง จนประธานาธิบดีต้องรีบถอนคำสั่งล๊อคดาวน์ การประท้วงที่รุนแรงทำให้ล่าสุดประธานาธิบดีถอนคำสั่งล็อคดาวน์ออกไปก่อน
นี่คือภาพการประท้วงที่ลุกลามกลายเป็นความรุนแรง ภาพที่เห็นเกิดขึ้นที่หน้าอาคารรัฐสภาในกรุงเบลเกรดของประเทศเซอร์เบีย
ผู้ประท้วงจุดไฟและปาหินใส่ตำรวจ ตำรวจต้องปรามผู้ชุมนุมด้วยการยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ กลายเป็นความวุ่นวายอย่างที่เห็น
การประท้วงครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นจากความไม่พอใจที่รัฐบาลประกาศคำสั่งล๊อคดาวน์ รวมถึงการประกาศเคอร์ฟิวส์ที่จะมีผลบังคับใช้ในช่วงสุดสัปดาห์นี้
ผู้ประท้วงกล่าวโจมตีรัฐบาลว่า เป็นความผิดพลาดของรับบาลเองที่สั่งเปิดเมืองเร็วเกินไปในการล๊อคดาวน์คร้ังแรก เป็นที่น่าสังเกตุว่า ผู้ประท้วงเกือบทุกรายสวมใส่หน้ากากอนามัย
การประท้วงเริ่มขึ้นตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา แม้จุดเริ่มต้นของการประท้วงครั้งนี้จะเกิดจากความไม่พอใจมาตรการล็อคดาวน์ แต่ก็มีอีกเหตุผล นั่นก็คือ ความไม่พอใจรัฐบาลภายใต้การนำโดยประธานาธิบดีอเล็กซานดาร์ วูชิช ด้วย เป็นความไม่พอใจที่สะสมของประชาชน แต่มีโควิด-19 เป็นชนวนเหตุ
ช่วงแรกของการระบาด ประชาชนค่อนข้างพอใจกับการรับมือของรัฐบาล แต่อยู่ๆตอนกลางเดือนมิถุนายน รัฐบาลกลับประกาศผ่อนปรนมาตรการทั้งๆที่ยังควบคุมได้ไม่ดีพอ
คนจำนวนมากมองว่าที่รัฐบาลรีบร้อนคลายล๊อกก็เพื่อต้องการเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองเนื่องจากเซอร์เบียมีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 21 ที่ผ่านมา การคลายล๊อกทำให้คนสามารถทำกิจกรรม รวมกลุ่มกันได้ และทำให้พรรครัฐบาลชนะไป
ตรงนี้นี่เองที่ทำให้คนมองว่า ผู้นำประเทศให้ความสำคัญกับชัยชนะทางการเมืองมากกว่าชีวิตของประชาชน และมีผลทำให้การระบาดในเซอร์เบียกลับมารุนแรงขึ้นอีกครั้ง
ขณะที่รัฐบาลบอกถึงเหตุผลที่การระบาดกลับมาอีกครั้ง นั่นก็คือ ประชาชนการ์ดตกเอง
นักการเมืองฝั่งรัฐบาลบางคนบอกว่า การชุมนุมครั้งนี้มีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง เนื่องจากมีรายงานพบว่าในขบวนผู้ชุมนุมมีสส.ฝ่ายค้านเข้าร่วมการชุมนุมด้วย และยังระบุด้วยว่า ไม่มีใครอยากให้เกิดความรุนแรงขึ้น และตำรวจพยายามใช้ความอดกลั้นอย่างถึงที่สุดแล้ว
การระดมยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุม ทำให้มีคนได้รับบาดเจ็บจำนวน 17 ราย ถูกจับกุม 23 ราย ตำรวจก็เจ็บเยอะคือ 43 ราย ในจำนวนนี้มีอาการสาหัสด้วย
การประท้วงที่รุนแรงติดต่อกันหลายวัน ทำให้ล่าสุดประธานาธิบดีต้องถอนคำสั่งล็อคดาวน์และเคอร์ฟิวไปก่อน
ล่าสุดยังมีกลุ่มผู้ประท้วงอยู่ตามท้องถนน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยของเซอร์เบียระบุว่า คืนนี้จะส่งตำรวจเข้าตรึงกำลังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นอีก
ปัจจุบันเซอร์เบียมีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 17,000 ราย เสียชีวิตแล้ว 341 ราย การระบาดอย่างรวดเร็วส่งผลให้เกิดวิกฤตทางการแพทย์ เนื่องจากขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังทำงานอย่างหนักและเผชิญกับปัญหาอุปกรณ์มีไม่เพียงพอ ด้านจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลายร้อยรายต่อวัน
โควิด-19 ช่วงเวลาอันตรายของรัสเซีย กระทบทั้งเศรษฐกิจและสาธารณสุข
