4 ทนายดัง วิเคราะห์ข้อโต้แย้ง “แม่น้องชมพู่-ลุงพล”


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ทีมข่าวพีพีทีวี รวบรวมความเห็นของ 4 ทนายความ ที่ติดตามข่าวน้องชมพู่

เริ่มจาก นายนิติธร แก้วโต หรือ ทนายเจมส์ มองว่า ประเด็นหลงป่า และ น้องขาดน้ำจนเสียชีวิต มีน้ำหนัก เพราะ คดีเก่าๆในอดีตพบว่าเด็กเล็กมักเดินไปเรื่อยๆ แบบนี้ แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นเรื่องการฆาตกรรมอำพรางทิ้ง เพราะ มองว่า มีโอกาสเกิดขึ้นได้เช่นกัน   ขัดแย้งกับ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม มองว่า เด็กอายุ 3 ขวบ แบบน้องชมพู่ ไม่น่าจะเดินขึ้นไปบนภูเขาที่มีหินสลับซับซ้อนเองได้ ต้องมีคนพาขึ้นไป

พยานชี้จุดพบ“รถแบ็กโฮของเล่น”น้องชมพู่ ไม่ตรงกัน

ส่วนนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความอีกคน มองว่า มีความเป็นไปได้ทั้งหลงป่า และ ฆาตกรรมอำพราง ซึ่ง หากถูกฆาตกรรมอาจเกิดจากความไม่ตั้งใจ จึงจำเป็นต้องพยายามปกปิด 

ทนายเดชา แนะ หลักฐานคดีชมพู่ต้องครบป้องกัน "ยกฟ้อง"

ขณะที่ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ เดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ สะท้อนว่า ไม่ว่าใครจะเป็นคนฆ่าน้องชมพู่ แต่ท้ายที่สุดมีโอกาสที่คดีนี้จะถูกยกฟ้อง เพราะ หลักฐานที่ปรากฎอยู่ตอนนี้ไม่มีน้ำหนักที่จะมัดตัวบุคคลใดได้เลย

ทนายทั้ง 4 คน ยังวิเคราะห์ถึงข้อโต้แย้งที่แม่น้องชมพู่และลุงพลโต้ตอบกันผ่านสื่อไปมา ว่า มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน เช่น กรณีที่ แม่น้องชมพู่ ตั้งคำถามว่า ในเวลาประมาณ 09.30 น. ของวันที่ 11 พ.ค. ซึ่งเป็นวันที่น้องชมพู่หายตัวไป ลุงพล หายไปไหน  แม้ก่อนหน้านี้จะมีการอธิบายว่า ลุงพลไปรับพระที่วัด แต่ก็พบว่า วันนั้นใช้เวลามากกว่าทุกวัน เพราะปกติจะใช้เวลาประมาณ 5 นาที แต่วันนั้นลุงพล ใช้เวลาถึง 30 นาที

ประเด็นนี้ ทนายรณณรงค์ บอกว่า หากลุงพลเป็นคนพาตัวน้องชมพู่ขึ้นไปภูเหล็กไฟจริง ตามร่างกายของลุงพลต้องมีร่องรอยขีดข่วนต่างๆ ส่วนทนายเกิดผล มองว่า เป็นการปรักปรำที่ขัดกับข้อเท็จจริง เพราะ น้องชมพู่หายไปในช่วง 08.50-09.01น. แต่ลุงพลไปวัดในช่วง 09.30น.

ส่วนทนายเดชา มองว่า ควรมีผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินเขามาร่วมตรวจสอบ พร้อมมองว่า ควรทดลองให้ลุงพล หรือ ใคร เดินจากบ้านของน้องชมพู่ขึ้นไปบนเขา เพื่อดูว่าใช้เวลามากกว่า 30 นาที หรือไม่  ประเด็นนี้ทีมข่าวเคยลองเดินขึ้นไปบนเขา ระยะทางประมาณ 1-2 กิโลเมตร แต่เส้นทางเดินยาก ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง

ทนาย ชี้ แม่ชมพู่ กล่าวหา ลุงพลรักหลานมากไป"ไม่มีน้ำหนัก"

ส่วนกรณีที่ แม่น้องชมพู่ บอกว่า ลุงพลรักน้องชมพู่มากเกินไป ทนายส่วนใหญ่มองว่า เป็นแค่ข้อสงสัยที่ไม่เกี่ยวกับคดีการตายของน้องชมพู่ หรือ หากจะกล่าวหาว่าเป็นเรื่องชู้สาว ต้องมีหลักฐานเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ ประเด็นนี้จึงจะมีน้ำหนักมากพอ

ส่วนที่ลุงพล ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมแม่และพ่อของน้องชมพู่ไม่เดินขึ้นไปบนภูเหล็กไฟ ทั้งก่อนและหลังได้รับเบาะเเสเรื่องรองเท้าของน้อง ทนายเดชามองว่าเป็นเพียงการตั้งข้อสงสัยกันไปมา ไม่เป็นประโยชน์ใดใดกับรูปคดี

ขณะที่ทนายเกิดผล บอกว่า ตัวเองก็สนใจประเด็นนี้และตั้งข้อสังเกตแบบเดียวกันว่าทำไมพ่อและแม่ไม่ไปตามหาลูก ขัดแย้งกับ ทนายเจมส์ที่มองว่า ไม่ควรเอาบรรทัดฐานของคนอื่นไปชี้วัดว่าพ่อและแม่จะขึ้นหรือไม่ขึ้นไปบนภูเหล็กไฟ

ตร.พบดีเอ็นเอ ผู้ต้องสงสัย บนตัว “น้องชมพู่”

ทนาย ชี้ "พี่สาวน้องชมพู" โกหกปมนอนหลับทำให้ไม่น่าเชื่อถือ

ส่วนประเด็นที่สังคมกำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ คือ การที่น้องสะดิ้ง โกหกว่านอนหลับขณะน้องชมพู่หายตัวไป ทนายทั้ง คน เห็นสอดคล้องกันว่า ตำรวจต้องเร่งตรวจสอบเรื่องนี้โดย ทนายรณณรงค์และทนายเดชา เห็นว่า การที่น้องสะดิ้งซึ่งเป็นพยาน กลับคำพูด ในทางกฎหมายสะท้อนว่า พยานปากนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือ

นอกจากนี้ ทนายเดชา ยังแสดงความเห็นถึงการที่ตำรวจระบุว่า ตอนนี้สอบปากคำไปแล้วกว่า 900 ปาก แต่ยังไม่สามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้ สะท้อนว่า พยานหลักฐานอ่อนมาก หากส่งฟ้องอาจทำให้ท้ายที่สุดศาลยกฟ้องคดี

ประเด็นของทนายเดชา สอดคล้องกับแนวทางตำรวจที่เปิดเผยว่า ต้องทำคดีให้รัดกุมที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้ท้ายที่สุดศาลยกฟ้อง และ ผู้กระทำผิดลอยนวล

รองโฆษก ตร. เผยสอบปากคำคดีน้องชมพู่กว่า 900 คน

ผู้การฯแต้ม เชื่อ “ครอบครัวน้องชมพู่” แฉกัน-ตร.ทำงานง่ายขึ้น

ขณะที่ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มองว่า แนวการสอบสวนตอนนี้ตำรวจน่าจะให้น้ำหนักว่าผู้ก่อเหตุคือคนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัวซึ่งปรากฎการณ์โต้ตอบกันไปมาของคนในครอบครัวน้องชมพู่ตอนนี้ จะยิ่งทำให้ตำรวจหาตัวผู้ก่อเหตุได้ง่ายขึ้น เพราะ ต่างฝ่ายต่างพูดข้อมูลแฉกันไปมา

ส่วนกรณีที่มีข้อมูลว่า พี่สาวน้องชมพู่ โกหกมาตลอด 2 เดือน พล.ต.ต.วิชัย วิเคราะห์ว่า ตอนนี้ พี่สาวของน้องชมพู่ กลายเป็นตัวละครที่สำคัญ หลังจากนี้ตำรวจน่าจะมีการเรียกสอบสวน ซึ่งหากเชื่อมโยงกับข้อมูลที่ตำรวจมีก่อนหน้านี้คดีอาจคลี่คลายได้เร็วขึ้น  แต่ การจะสอบปากคำน้องสะดิ้ง ก็มีข้อจำกัดหลายอย่าง โดยเฉพาะ การที่ พี่สาวน้องชมพู่ ยังเป็นเยาวชน จำเป็นต้องมีสหวิชาชีพอื่นและผู้ปกครองอยู่ร่วมการสอบด้วย

สำรวจความเห็นชาวบ้านกกกอก ปมการเสียชีวิต “น้องชมพู่”

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ