เมื่อวันที่ 28 ก.ค.63 ในชั้นอัยการนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ซึ่งเป็นผู้ต้องหา ได้ร้องขอความเป็นธรรม จนนำมาสู่การสอบพยานเพิ่มเติม 2 ปาก ที่ให้การสอดคล้องกันว่า ในวันเกิดเหตุขับรถตามหลัง คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย เห็น ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ขี่จักรยานยนต์ในช่องจราจรซ้ายสุด และรถของนายบอสอยู่ช่องจราจรที่ 3 ซึ่งรถของนายบอสขับด้วยความเร็วประมาณ 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ขณะขับอยู่นั้นรถของ ด.ต.วิเชียร ได้เปลี่ยนช่องทางจราจรไปช่องจราจรที่ 3 กะทันหัน ทำให้รถของนายบอสไม่ทันตั้งตัวและพุ่งชนรถของ ด.ต.วิเชียร จึงทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายถูกตั้งข้อหาประมาทร่วมตั้งแต่แรก
นักฟิสิกส์ ยัน ความเร็วรถ “บอส อยู่วิทยา” อยู่ที่ 177 กม./ชม.
เผยเบื้องหลังนำ 2 พยานพลิกคดี“บอส อยู่วิทยา” เข้าสำนวนผ่านกมธ.สนช.
โดยคำให้การของพยานเรื่องความเร็ว สอดคล้องกับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่ให้การในชั้นสอบสวน ว่านายบอสใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนกลายเป็นประเด็นสังคมสงสัยว่า พยาน 2 คนนี้มาจากไหน ในเอกสารระบุว่า พยานทั้ง 2 คน ได้มาจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุเห็นรถ 2 คันขับตามมาจริง จึงถูกนำมาสู่การเรียกเป็นพยานทำให้คดีพลิก จนอัยการสั่งไม่ฟ้องในที่สุด
ทั้งนี้แต่จากเอกสารหลักฐานของ อัยการพิเศษฝ่ายคดีร้องขอความเป็นธรรม2 ที่เคยพิจารณากรณีที่นายบอส ได้ร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการ เมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปี 2562 ยืนยันว่า พยานทั้ง 2 ปากนั้น ไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่
1.กรณีพยานปากคนที่ 1 ผู้ต้องหาได้เคยร้องขอความเป็นธรรมให้สอบพยานปากนี้เพิ่มเติม และได้เคยสอบพยานปากนี้เพิ่มเติมไปแล้ว ดังนั้นพยานปากนี้จึงไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่
2.กรณีพยานปากคนที่ 2 พนักงานสอบสวนได้เคยสอบปากคำพยานรายนี้ไว้แล้ว ในคดีจราจรของ สน.ทองหล่อ เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2555 ต่อมาผู้ต้องหาเคยร้องขอความเป็นธรรมให้สอบพยานปากนี้อีก และพนักงานสอบสวนได้แจ้งว่าพยานปากนี้เดินทางไปต่างประเทศไม่สามารถสอบสวนเป็นพยานได้ และผู้ต้องหาไม่ติดใจสอบพยานปากนี้แล้ว ดังนั้นพยานปากนี้จึงมิใช่พยานหลักฐานใหม่
เฟอร์รารี-เมอร์เซเดส ไม่สนับสนุน “เรดบูลล์ เรซซิง” ไม่เกี่ยวคดี “บอส อยู่วิทยา”
เปิดพยาน"บอส อยู่วิทยา"เป็น 3 นายตำรวจ ผู้เชี่ยวชาญ
รวมทั้งประเด็นที่ผู้ต้องหายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ ประธานคณะกรรมมาธิการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยคณะกรรมการได้เชิญ รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเร็วเฉลี่ยของรถจักรยานยนต์และรถยนต์ก่อนเกิดเหตุนั้น เห็นว่าพยานปาก รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เคยร้องขอความเป็นธรรมและพยานเคยมาให้การต่อพนักงานสอบสวนแล้ว ซึ่งท่านอัยการสูงสุดในขณะนั้น ได้เคยวินิจฉัยในประเด็นของพยานปากนี้ไว้แล้ว ดังนั้นพยานปากนี้จึงมิใช่พยานหลักฐานใหม่
ดังนั้นอัยการพิเศษฝ่ายคดีร้องขอความเป็นธรรม2 พิจารณาแล้วเห็นว่า ตามหนังสือร้องขอความเป็นธรรมดังกล่าวที่ให้สอบพยานเพิ่มเติม จึงมิใช่พยานหลักฐานใหม่อันสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงความเห็นและคำสั่งเดิมได้ ประกอบกับผู้ต้องหาที่ 1 เคยร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาหลายครั้ง อันอาจจะเชื่อได้ว่าเป็นการประวิงคดี ประกอบกับผู้ต้องหาที่ 1 ยังหลบหนี แต่ได้มอบอำนาจให้ทนายความมาร้องขอความเป็นธรรมแทน โดยมิได้มาร้องด้วยตนเอง จึงเห็นควรยุติเรื่องร้องขอความเป็นธรรมของผู้ร้อง และเห็นควรงดแจ้งคำสั่งยุติให้ผู้ร้องทราบ โดยหนังสือคำสั่งดังกล่าวลงวันที่ 29 ต.ค. 2562