“ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง” เรื่องของเด็กที่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อีกต่อไป


โดย PPTV Online

เผยแพร่




สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยและชมรมแพทย์ผิวหนังเด็กแห่งประเทศไทย ร่วมกันจัดเสวนาออนไลน์ “World Atopic Dermatitis Day 2020 โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โรคใกล้ตัวที่ถูกมองข้ามของคนไทย” ซึ่งส่วนใหญ่เกิดในเด็กเล็กๆ

โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง คือ  ภาษาอังกฤษเรียกว่า Atopic Dermatitis’ รศ. พญ.ปภาพิต ตู้จินดา หัวหน้าสาขาวิชาโรคภูมิแพ้ผิวหนัง และอิมมูโนวิทยา ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล  บอกว่า  โรคนี้ยังไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน แต่เชื่อว่าเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ได้แก่ ปัจจัยทางพันธุกรรม ซึ่งเป็นปัจจัยภายในของคนไข้ ที่เกิดความผิดปกติของผิวหนังร่วมกับการมีความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

แพทย์เตือน 7 โรคผิวหนัง ที่มักเป็นบ่อยช่วงฤดูหนาว

ซึ่งพ่อแม่คนใดคนหนึ่งเป็นโรคกลุ่มภูมิแพ้ บุตรร้อยละ 38 มีโอกาสที่จะเป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง เช่น พ่อแม่ มีอาการแพ้อาหาร โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โรคหอบหืด และโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้

แต่ถ้าทั้งพ่อแม่มีประวัติเป็นโรคในกลุ่มภูมิแพ้ บุตรจะมีโอกาสในการเป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 58 แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน

ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ มีสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยกระตุ้นให้อาการกำเริบ

คนไข้แต่ละรายจะมีปัจจัยที่กระตุ้นที่แตกต่างกัน ที่พบได้บ่อย เช่น ภาวะอากาศร้อนจัดหรือหนาวจัด การติดเชื้อที่ผิวหนัง การแพ้อาหารบางชนิด เช่น ไข่ นมวัว หรือแป้งสาลี การแพ้สารเคมีบางชนิด การใส่เสื้อผ้าที่ระคายเคือง หรือสัมผัสสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เป็นต้น

อาการสำคัญของโรค

ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง อาการอันดับแรก คือ มีอาการคัน ผิวแห้ง สาก เป็นขุย มีผื่นแดงอักเสบชัดเจน ที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า

สำหรับเด็กจะสังเกตได้จากตำแหน่งของผื่นขึ้นใกล้เคียงกัน เช่น บริเวณแก้ม รอบริมฝีปาก บริเวณด้านนอกของแขน ขา ศอก เข่า มือ เท้า ข้อมือ ข้อเท้า ข้อพับทั้งหลาย

บางคนอาจจะมีผื่นในลักษณะเป็นปื้นที่บริเวณขา ผื่นคันบริเวณหนังศีรษะและรอบใบหู ส่วนในเด็กโตและในวัยผู้ใหญ่ก็จะพบผื่นในบริเวณข้อพับแขน ขา   ซอกคอ มือ เท้า บางคนอาจจะมีอาการผิวแห้งแตกที่บริเวณเท้าทำให้เจ็บเวลาเดินได้

รศ. พญ. รัตนาวลัย นิติยารมย์ อาจารย์สาขาโรคผิวหนัง ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวเสริมว่าโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังเป็นโรคที่พบได้บ่อย เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในโรคยอดนิยมของเด็กไทยในปัจจุบัน โดยอุบัติการณ์ของโรคนี้ขึ้นอยู่กับกลุ่มอายุ ในเด็กไทยพบประมาณร้อยละ 9-17

ส่วนผู้ใหญ่พบประมาณร้อยละ 10-15 ส่วนใหญ่จะพบในวัยเด็กเล็กตั้งแต่ขวบปีแรก โดยร้อยละ 85 จะพบในเด็กช่วง 5 ขวบปีแรก

“แม้โรคนี้จะมีอาการเรื้อรังและเป็นๆ หายๆ แต่ส่วนใหญ่เด็กที่เป็นโรคนี้จะมีอาการดีขึ้นตามวัยเมื่อเติบโตขึ้น การดูแลรักษาผิวที่ดี หลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะกระตุ้นให้อาการกำเริบ และการใช้ยาทาอย่างเหมาะสม จะทำให้คนไข้สามารถควบคุมอาการของโรคได้ดีจนสามารถหายจากโรคนี้ไปได้”

เตือน! "โรคภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ" ภัยจากอากาศเย็นที่ต้องระวัง

แม่ไม่จำเป็นต้องงดอาหาร หากไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เน้นทาครีมหลังอาบน้ำในรายที่อาการไม่รุนแรง

ผศ. นพ. เทอดพงศ์ เต็มภาคย์ อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนังเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า การวินิจฉัยโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง อาศัยลักษณะอาการแสดงทาง คลินิกร่วมกับการซักประวัติและการตรวจร่างกาย ไม่ได้มีความจำเป็นต้องทำการทดสอบทางผิวหนังในผู้ป่วยทุกราย

ควรพิจารณาตรวจเพิ่มเติมเฉพาะในกรณีที่ผู้ป่วยได้รับการรักษาตามมาตรฐานอย่างถูกต้องและเหมาะสมแล้ว แต่มีอาการรุนแรงมากขึ้น มีอาการแสดงเรื้อรัง หรือในกรณีที่มีประวัติว่ามีอาการกำเริบหลังได้รับสารก่อการแพ้ เช่น อาหาร หรือสารก่อภูมิแพ้ทางอากาศ  มักพบผู้ป่วยที่มีการแพ้อาหารสัมพันธ์กับโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังในกลุ่มที่มีระดับความรุนแรงแบบปานกลางหรือมาก แพทย์อาจพิจารณาทำการเจาะเลือดตรวจแอนติบอดีต่อสารก่อภูมิแพ้ชนิดต่างๆ การทดสอบการแพ้อาหาร หรือเลือกการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมตามความเหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละรายเพื่อหาปัจจัยกระตุ้นที่อาจทำให้โรคกำเริบเฉพาะในผู้ป่วยที่มีความสัมพันธ์ดังกล่าว

รพ.กรุงเทพ แถลงเรื่องการรักษาโรคผิวหนังด้วยเครื่อง Thera Beam UV608

แม้ในปัจจุบัน โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่เมื่อโตขึ้นอาการจะดีขึ้น ส่วนใหญ่จะหายได้ และสามารถควบคุมการกำเริบของโรคได้

ดังนั้น เป้าหมายของการรักษาโรคนี้จึงอยู่ที่ การพยายามควบคุมอาการของโรคและให้อยู่ในช่วงสงบนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยแนวทางการรักษา ได้แก่ การหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ ที่กระตุ้นให้อาการกำเริบ การทาสารเพิ่มความชุ่มชื้นผิวหนัง ป้องกันผิวแห้ง เช่น โลชั่น ครีมบำรุงผิว ควรทาหลังอาบน้ำทันที และไม่ควรอาบน้ำบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้ผิวแห้งยิ่งขึ้น

สำหรับกลุ่มที่อามีการอักเสบที่ผิวหนังจึงใช้ยาทาลดการอักเสบ ทาบริเวณผื่นที่มีอาการเห่อแดงอักเสบ เมื่อควบคุมอาการได้ควรลดการใช้ยาหรือหยุดยาตามคำแนะนำของแพทย์

ในรายที่มีผื่นขึ้นมากและอาการในระดับปานกลางถึงรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ ซึ่งแพทย์อาจพิจารณาให้รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน และในปัจจุบันมีการรักษาโดยยาฉีดกลุ่มชีวภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งความก้าวหน้าของแนวทางการรักษา โดยจะเลือกใช้ในรายที่มีอาการในระดับปานกลางถึงรุนแรง และไม่ตอบสนองต่อการรักษาโดยวิธีอื่น ทั้งนี้ควรอยู่ในการดูแลรักษาของแพทย์อย่างใกล้ชิด

หมายเหตุ : ภาพประกอบได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองแล้ว

PR-โปรแกรมผลบอล-2_B PR-โปรแกรมผลบอล-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ