สุดโกลาหล! “ทรัมป์ - ไบเดน” ประชันวิสัยทัศน์ครั้งแรกบนเวทีดีเบต


โดย PPTV Online

เผยแพร่




อีกเพียง 5 สัปดาห์เท่านั้นก็จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ถือเป็นโค้งสุดท้ายที่ผู้สมัครจะต้องเรียกคะแนนนิยมกันอย่างดุเดือด และหนึ่งในอีเวนท์ที่สำคัญคือ ก็คือการดีเบตของผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ที่จะเป็นเวทีให้ผู้สมัครได้มาประลองวิสัยทัศน์และนโยบายต่างๆ

วันนี้โดนัลด์ ทรัมป์ จากรีพับลิกัน และโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ได้เจอกันบนเวทีดีเบตเป็นครั้งแรก เมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ ตลอดการดีเบตทั้งคู่ถกเถียงกันอย่างดุเดือด มีการพูดแทรก เสียดสีกันจนพิธีกรแทบคุมไม่อยู่ เป็นการดีเบตที่ที่บรรดาสื่อบอกว่า วุ่นวาย หายนะและไม่ได้ประโยชน์

ดีเบต “ทรัมป์” VS “ไบเดน” ศึกยกแรกชิงตำแหน่งปธน.สหรัฐฯ คนที่ 46

ความเห็นของบรรดาสื่อหลังจากการดีเบตจบ CNN พาดหัวข่าวว่า “การโต้วาทีครั้งนี้คือความ‘โกลาหล” เพราะมีแต่คำเสียดสี สบประมาท โดยเฉพาะจากทรัมป์ ขณะที่ BBC พาดหัวว่า “ทรัมป์กับไบเดนอัดกันด้วยคำพูดแรงๆ เป็นดีเบตที่โกรธเกรี้ยว วุ่นวาย”

เช่นเดียวกับสื่อเยอรมันอย่าง ดี เวลท์ (Die Welt) บอกว่า “โดนัลด์ ทรัมป์ กับ โจ ไบเดน ปะทะกันจนกลายเป็นความโกลาหล”

เว็บไซต์ข่าว The Romper พาดหัวข่าวว่า “การประชุมออนไลน์ของเด็กอนุบาลยังดูมีอารยธรรมกว่าการดีเบตของผู้ท้าชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ”

โดยจะเห็นได้ว่าสื่อหลักทั่วโลกต่างพาดหัวข่าวไปในทางเดียวกันว่า การดีเบตครั้งแรกระหว่างทรัมป์กับไบเดนต่างเต็มไปด้วยอารมณ์ การปะทะ และความวุ่นวาย มากกว่าที่จะโต้แย้งกันด้วยเนื้อหา หรือนำเสนอแนวคิดต่าง ๆ กับชาวอเมริกัน

ซึ่งนี่เป็นเพียงการดีเบตครั้งแรก ทั้งคู่จะต้องเจอกันอีก 2 ครั้ง การดีเบตครั้งแรกจัดขึ้นที่เมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ ใช้เวลาทั้งหมด 90 นาที มี 6 หัวข้อหลักที่ผู้ท้าชิงตำแหน่งสองคนต้องตอบ กติกาคือ หลังจากพิธีกรตั้งคำถาม ทรัมป์และไบเดนจะมีเวลาคนละ 2 นาที ในการตอบ โดยขณะที่ฝ่ายหนึ่งกำลังพูด อีกฝ่ายหนึ่งห้ามขัด หลังตอบเสร็จ จึงจะเปิดโอกาสให้โต้แย้งหรือหักล้างข้อมูลกัน

ผู้ดำเนินรายการเวทีดีเบตวันนี้ คือ คริส วอลเลซ ผู้ประกาศข่าวจากสถานีโทรทัศน์ Fox News  เขาเคยทำหน้าที่นี้มาแล้วเมื่อการเลือกตั้งปี 2016 ที่ชิงตำแหน่งกันระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ กับ ฮิลลารี คลินตัน วอลเลส ขึ้นชื่อว่าเป็นพิธีกรที่โหด ดีเบตครั้งที่แล้วเขาก็ได้รับคำชมว่าทำหน้าที่ได้ดี แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ ครั้งนี้เขาถูกวิจารณ์ว่าคุมเวทีไม่อยู่ โดยเฉพาะไม่สามารถคุมทรัมป์ที่พูดแทรกตลอดเวลาได้ การดีเบตเลยออกมาเละตุ้มเป๊ะ

ประเด็นหลัก ๆในการดีเบตครั้งนี้ก็มีเรื่อง โควิด-19 โดยวอลเลซ เปิดคำถามด้วยการบอกว่า สหรัฐฯ มียอดผู้ติดเชื้อ 7 ล้านคน เสียชีวิต 2 แสนคน และถึงแม้จะมีวัคซีนก็ต้องใช้เวลากว่าทุกอย่างจะคืนสู่ภาวะปกติ คำถามสำหรับทรัมป์และไบเดนคือ อะไรที่จะทำให้ประชาชนไว้ใจคุณมากกว่าคู่แข่ง ในการแก้ปัญหาโควิด-19?

ไบเดนได้พูดก่อน โจมตีทรัมป์ว่า ล้มเหลวโดยดูจากยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต และบอกว่า ทรัมป์รู้มาตลอดว่าโควิดอันตรายและก็เลือกที่จะปิดบังข้อมูลนี้กับประชาชน

ระหว่างไบเดนพูด ทรัมป์ก็พูดแทรกตลอด (ซึ่งผิดกติกา) ทรัมป์พยายามโต้ว่า ใคร ๆ ก็บอกว่าเขารับมือได้ดี ถ้าไม่อย่างนั้นคนจะตายถึง 2 ล้านคน

 

มาถึงประเด็นวัคซีนโควิด -19 ก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยบอกว่า สหรัฐฯ จะได้วัคซีนภายในปีนี้ และเร็วที่สุดคือก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งขัดกับข้อมูลของผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคที่ออกมาเบรคทรัมป์ ว่า กว่าคนอเมริกันอาจจะได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงคือกลางปีหน้า ไม่ใช่ก่อนเลือกตั้งอย่างที่ทรัมป์ว่า

ซึ่งในการดีเบต ทรัมป์ยังพูดแบบเดิม คืออีกไม่นานจะมีวัคซีนใช้ ไบเดนก็สวนเป็นทำนองว่า ทรัมป์โม้ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยบอกว่า ไม่ต้องทำอะไรเดี๋ยวโควิดก็หายไปเอง

จากเรื่องวัคซีนก็มาเถียงกันเรื่องนโยบายล๊อคดาวน์  เถียงกันไปเถียงกันมาทรัมป์ก็บอกว่า ไบเดนจะไปรู้อะไร เพราะเป็นนักการเมืองมา 47 ปีก็ไม่มีผลงานอะไร แถมตอนสมัยเรียนก็ไม่ฉลาด เรียนก็ได้ที่โหล่

อีกประเด็นที่เป็นประเด็นใหญ่ในการดีเบตครั้งนี้คือ การแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสุด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้เสนอชื่อเอมี โคนีย์ บาร์เร็ต ผู้พิพากษาหัวอนุรักษ์นิยมเข้าไปนั่งในศาลสูงสุด แทนนายรูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์กที่เสียชีวิต หลายเสียงทักท้วงว่า ทรัมป์ไม่ควรทำ เพราะนี่ก็ใกล้จะหมดสมัยแล้ว ควรรอให้ผู้ชนะการเลือกตั้งเป็นคนเสนอชื่อ แต่ทรัมป์ไม่ฟัง เสนอชื่อเอมี บาร์เรตและอยู่ในขั้นตอนการส่งให้วุฒสภาอนุมัติ หากทรัมป์ทำสำเร็จ จะได้เปรียบทางการเมือง เพราะผู้พิพากษาสายอนุรักษ์นิยมจะเพิ่มเป็น 6 คน จากทั้งหมด 9 คน

ในการดีเบต ทรัมป์บอกว่า เขามีสิทธิ 100% ที่จะเสนอชื่อผู้พิพากษาเพราะเป็นประธานาธิบดี ขณะที่ไบเดนบอกว่า สิทธิในการเสนอชื่อผู้พิพากษาเป็นสิทธิของประชาชน ดังนั้นทรัมป์ควรจะรอให้ผลการเลือกตั้งออกมาก่อน

ระหว่างการดีเบต ทรัมป์ถามไบเดนกลับว่า คุณมีใครอยู่ในใจหรือเปล่า ถึงห้ามการเสนอชื่อของผม เวทีก็เลยเดือด ไบเดนทนไม่ไหวบอกให้ทรัมป์หุบปาก

สื่อแฉ "ทรัมป์" ไม่จ่ายภาษีรวม 10 ปี

ส่วนประเด็นที่กำลังอยู่ในกระแส และทำให้ทรัมป์ถูกวิพากษ์วิจารณ์ก่อนหน้าวันดีเบตไม่กี่วัน คือเรื่องการจ่ายภาษีของเขา ก่อนหน้านี้ The New York Times เปิดโปงว่าทรัมป์นั้นจ่ายภาษีแค่ 750 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 23,000 บาท ทั้งๆ ที่มีรายได้ในปี 2018 มากกว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และก่อนหน้านั้นตัวเขาเองไม่ได้จ่ายภาษีเลยเป็นระยะเวลา 10-15 ปี  วอลเลซเอาเรื่องนี้มาถามทรัมป์ว่า ตกลงเขาจ่ายภาษีเท่าไหร่กันแน่ ทรัมป์บอกว่า ตัวเขาเองไม่อยากจ่ายภาษี

อีกหนึ่งประเด็นที่อาจทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้วุ่นวายคือ การที่ผู้แพ้ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีคนจำนวนมากใช้สิทธิ์ทางไปรษณีย์เพราะการระบาดของโควิด ซึ่งทรัมป์พูดตลอดว่า วิธีนี้จะทำให้เดโมเครตโกงเลือกตั้งได้ คนก็เลยสงสัย ว่า ถ้าผลออกมาแล้วทรัมป์แพ้  เป็นไปได้หรือไม่ที่เขาจะไม่ยอมรับผล ไม่ยอมส่งผ่านอำนาจอย่างสันติ ประเด็นนี้พิธีกรนำมาเป็นคำถามสุดท้ายๆ ซึ่งไบเดนตอบว่า ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร เขาจะยอมรับ แต่ทรัมป์เลี่ยงไม่ตอบคำถามนี้

แม้ว่าการดีเบตจะไม่ได้มีผลต่อการเลือกตั้งโดยตรง แต่ก็เป็นเวทีที่ทำให้ประชาชนได้เห็นวิสัยทัศน์ของผู้สมัคร มากไปกว่านั้นคือ บุคลิก การพูดจา และการควบคุมอารมณ์ ซึ่งดูเหมือนว่า ทั้งคู่ทำได้แบบไม่ประทับใจคนเท่าไหร่

 

ไปดูการสำรวจความเห็นของประชาชนหลังการดีเบต โพลของซีเอ็นเอ็นระบุว่า ร้อยละ 60 ของคนดูการดีเบตให้ไบเดนชนะ ขณะที่โพลของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสบอกว่า ร้อยละ 48 ให้ไบเดนชนะ ร้อยละ 41 ให้ทรัมป์ชนะ ขณะที่ร้อยละ 10 บอกว่าสูสี แต่มากกว่าครึ่งบอกว่า ดีเบตครั้งนี้ให้ความรู้สึกเชิงลบ คือน่ารำคาญและไม่ได้ประโยชน์

ก่อนหน้านี้โพลสำรวจความนิยมเกือบทุกสำนักชี้ว่า ไบเดนนำทรัมป์อยู่ จึงต้องจับตาดูหลังการดีเบตว่า คะแนนนิยมจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด ซึ่งดีเบตมักจะมีผลต่อชาวอเมริกันที่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกใคร

 

สำหรับทรัมป์กับไบเดนจะมีดีเบตอีก 2 ครั้ง ครั้งถัดไปจะจัดขึ้นที่เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา วันที่ 15 ตุลาคม  และรอบที่ 3 ที่มหาวิทยาลัยเบลมอนต์ เมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี วันที่ 22 ตุลาคม อย่างไรก็ตามสื่อบางสำนักก็ได้วิจารณ์ว่า หลังจากดูดีเบตวันนี้ไปแล้ว อยากให้ทั้งคู่ล้มเลิกดีเบตครั้งถัด ๆ ไป เพราะไม่อยากดูแล้ว วุ่นวาย ไม่มีประโยชน์

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ