เมื่อวันจันทร์ (5 ต.ค.) ที่ผ่านมา ไฟป่าแคลิฟอร์เนียถูกบันทึกด้วยคำนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ หลังจากที่เกิดออกัส คอมเพล็กซ์ (August Complex) ไฟป่าที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของแคลิฟอร์เนีย ตามรายงานของกรมป่าไม้และการป้องกันอัคคีภัยของแคลิฟอร์เนีย (Cal Fire) ซึ่งลุกลามไปในหลายพื้นที่ โดยมีจุดเริ่มต้นมาจาก ฟ้าผ่า 38 ครั้ง ในวันที่ 16–17 สิงหาคม 2020 ทำให้เกิดไฟไหม้พร้อมกันในหลายๆ จุดก่อนที่จะขยายตัวใหญ่ขึ้น
ภาคเหนือแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ เผชิญไฟป่าครั้งใหญ่
ถ้าเทียบขนาดการลุกลามของไฟป่าออกัส คอมเพล็กซ์ ขณะนี้ถือว่ารัฐโรดไอร์แลนด์ ซึ่งมีพื้นที่ 988,832 เอเคอร์ สร้างความเสียหายใน 3 เทศมณฑล ได้แก่ เมนโดซิโน เลก และทรินิตี้
ปัจจุบัน พื้นที่ป่าถูกเปลวเพลิงเผาผลาญไปแล้ว 4 ล้านเอเคอร์ (กว่า 10 ล้านไร่) มากกว่าสองเท่า จากสถิติก่อนหน้านี้ในปี 2018 และเป็นไฟป่ารุนแรงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกสถิติได้ 5 ใน 6 แห่งเกิดขึ้นในปีนี้
ในอดีต กิกะไฟร์ เกิดขึ้นในปี 2531 ชื่อว่า ไฟเยลโลว์สโตน ใน มอนทาน่าและไอดาโฮ เผาผลาญพื้นที่ประมาณ 1.58 ล้านเอเคอร์ และในปี 2547 เรียกว่า Taylor Complex ในอะแลสกา เผาผลาญพื้นที่ประมาณ 1.3 ล้านเอเคอร์
นักวิทยาศาสตร์และหน่วยงานของรัฐแคลิฟอร์เนีย มองว่าเป็นเพราะวิกฤตของสภาพภูมิอากาศทำให้ปีนี้เกิดฤดูไฟป่าที่รุนแรงมาก เพราะไม่ใช่แค่เพียงที่ แคลิฟอร์เนีย เท่านั้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้เกิดไฟไหม้ในออสเตรเลีย ระหว่างรัฐวิกตอเรียและรัฐนิวเซาท์เวลส์ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1.5 ล้านเอเคอร์
ความเสียหาย “ไฟป่าออสเตรเลีย” คร่าชีวิตสัตว์ป่าและผู้คน
ทรัมป์ไม่เชื่อโลกร้อนเป็นสาเหตุของไฟป่า
อย่างไรก็ตาม มีการประเมินความเสียหายจากการเกิดไฟป่าครั้งใหญ่นี้ในแคลิฟอร์เนีย เป็นเงินกว่า 166 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 5,187 ล้านบาท