มหิดลชวนสแกนธุรกิจก่อนสิ้นปี ให้ปีหน้ายังอยู่รอดด้วยหลักสูตร DBM


โดย PPTV Online

เผยแพร่




“ภาคธุรกิจส่วนใหญ่ปรับตัวแล้วโดยมีโควิด-19 เป็นตัวเร่ง แต่ปรับไปถูกทางหรือไม่ นั่นคืออีกเรื่องหนึ่งที่จะได้เห็นกันแน่ๆในปีหน้า ถ้าไม่มีข้อมูลมากพอจะยิ่งทำให้หลงทาง ภาคการศึกษาจึงต้องหันกลับมาช่วยผู้ประกอบการโดยเร็ว มองโลกดิจิทัลให้เป็นทางรอด ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป”

อาจารย์ ม.มหิดล เจอสถาบันสอบวินัย สั่งห้ามให้ข่าว

วิจัยกรุงศรี คาด เศรษฐกิจไทยใช้เวลา 2 ปีครึ่งฟื้นตัว

เปลี่ยนไปตามกระแส แต่ยังคงยึดมั่นในคุณค่า

อ.ดร.ตรียุทธ พรหมศิริ อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรม วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล(CMMU) กล่าวว่า เราต้องยอมรับว่าเราอยู่ในยุคประวัติศาสตร์ที่เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 200 ปี นั่นคือการก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล และยังเผชิญกับโรคระบาดร้ายแรงที่ยังไม่มีวัคซีน ทำให้การมองไปข้างหน้ายากลำบากมากที่สุดครั้งหนึ่งของคนทำธุรกิจ แต่หัวใจสำคัญคือการต้องรู้จักออกแบบคุณค่าทางธุรกิจของตนเอง (Value Proposition Design) และเข้าใจความต้องการตลาด ถ้าให้พูดถึงเรื่องที่ใกล้ตัวที่สุดคือ ช่วงโควิด-19 เป็นช่วงที่วิทยาลัยฯเองก็กังวลว่าจำนวนนักศึกษาปริญญาโทจะลดลงหรือไม่ ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน แต่ปรากฏว่า มีคนสมัครมากกว่าช่วงเวลาปกติ เพราะว่าคนเริ่มไม่แน่ใจกับธุรกิจที่ทำอยู่ในปัจจุบัน ต้องรีบหาความรู้ใหม่ ซึ่งการเรียนป.โท หรือ MBA จะเป็นการเปิดพื้นที่ให้นักศึกษาได้นำเคสธุรกิจของตนเองมาปรึกษาอาจารย์ และต่อยอดกับเพื่อนร่วมชั้นได้

อย่างไรก็ตาม ยังมีคนทำงานอีกจำนวนมากที่ไม่สามารถเรียน MBA ได้เต็มเวลา ทาง NEO Academy ภายใต้การกำกับดูแลของ CMMU จึงได้เปิดหลักสูตรที่กระชับและทันสมัย ในรูปแบบหลักสูตรระยะสั้น Mini MBA – Digital Business Management (DBM) ในรูปแบบเรียนสดออนไลน์

ปีหน้า เผาหลอกหรือเผาจริง

คำถามนี้จะเกิดขึ้นเสมอในช่วงปลายปีกับเศรษฐกิจไทย ไม่ว่าจะเกิดภัยแล้ง น้ำท่วม ความขัดแย้งทางการเมือง หรือ Digital Disruption แต่ถ้าเราเตรียมพร้อมรับมือไว้ก่อน เสมือนกับการเตรียมซ้อมหนีไฟ ติดตั้งถังดับเพลิงไว้แล้ว ไม่ว่าจะเกิดการเผาขึ้นมาจริงๆก็ย่อมลดความสูญเสียไปได้ คำถามคือ ภาคธุรกิจเตรียมพร้อมไว้แล้วหรือยัง จากผลสำรวจของดีลอยท์ ประเทศไทย ในรายงาน The Thailand Digital Transformation Survey 2020 ที่ได้ทำการเก็บข้อมูลผู้บริหารระดับสูงในประเทศไทย พบว่า ผู้บริหาร 52% ธุรกิจของตนได้เริ่มทำการทรานส์ฟอร์มแล้ว และ 27% กล่าวว่า มีแผนในการทรานส์ฟอร์มองค์กรภายใน 1-3 ปีข้างหน้า โดยจุดประสงค์หลักของการทรานส์ฟอร์มนั้น แบ่งได้เป็น 3 จุดประสงค์หลัก ได้แก่ 1) ทรานส์ฟอร์มเพื่อสร้างประสบการณ์ดิจิทัลให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย  2) ทรานส์ฟอร์มเพื่อปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติการ และ 3) ทรานส์ฟอร์มเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าผู้บริหารส่วนใหญ่ได้เริ่มทำการทรานส์ฟอร์มธุรกิจแล้ว ผู้บริหารยังคงเจอกับความท้าทายที่หลากหลาย โดยความท้าทายในการทรานส์ฟอร์ม ไม่ได้เป็นความยากด้านเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยปัจจัยอื่น เช่น วัฒนธรรมองค์กร วิธีการทำงาน รวมถึงโครงสร้างขององค์กร ผู้บริหารส่วนใหญ่มองว่าอุปสรรคสำคัญประกอบไปด้วย 5 ด้าน ดังนี้

อันดับที่ 1: ขาดผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (49%)

อันดับที่ 2: วัฒนธรรมองค์กรไม่สนับสนุน (45%)

อันดับที่ 3: มีระบบทำงานที่แยกส่วน (37%)

อันดับที่ 4: ไม่มีวิสัยทัศน์ในการทรานส์ฟอร์มชัดเจน (30%)

อันดับที่ 5: ไม่มีการจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรที่เพียงพอ (26%)

ความยากในการทรานส์ฟอร์ม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยี

เมื่อเราได้รับโจทย์มาจากภาคองค์กรที่ติดต่อทางวิทยาลัยฯให้ไปทำ In-house training มากขึ้น ซึ่งประสบปัญหาด้านต่างๆสอดคล้องการรายงานของดีลอยท์ จึงพบว่า ความยากในการทรานส์ฟอร์ม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยี แต่เป็นการทำให้คนมี Growth Mindset ดังนั้น การทำให้ง่ายและใช้งานได้จริง (Simplify & Apply)  คือสิ่งที่จะช่วยให้คนที่กำลังกลัวกับ Digital Disruption หายจากอาการกลัวนี้และกล้าไปต่อ เราจึงสอนมากกว่าการหารายได้  สำหรับหลักสูตร MBA ใช้เวลาพร้อมทำ thesis ประมาณ 2 ปี แต่เมื่อเป็นหลักสูตร Mini MBA  2 เดือนน่าจะกำลังเหมาะกับใครที่อยากได้แก่น และไม่ได้มีเวลามากนัก ในยุคที่ต้องไปเปลี่ยนแปลงอะไรขนาดนี้ เรียกว่าเป็น foundation ที่เพียงพอ แล้วไปทำต่อในอนาคต โดยจะประกอบไปด้วย 6 โมดูล

Module 1: บรรทัดฐานใหม่ของการบริหารธุรกิจยุคดิจิทัล

Module 2: ทักษะการเป็นผู้นำในยุคดิจิทัล

Module 3: การสร้างองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

Module 4: การทำธุรกิจแบบแพลตฟอร์ม

Module 5: การเงินและการระดมทุนยุคดิจิทัล

Module 6: การตลาดยุคดิจิทัล

จุดเด่นคือ มีส่วนผสมของ Practitioners กับ Theorists โดยสอนร่วมกับผู้บริหารธุรกิจชั้นนำของเมืองไทย ที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์และสามารถถามตอบแบบใกล้ชิด เนื่องจากเป็นการเรียนสดออนไลน์ ผ่านโปรแกรม Zoom  

จากรุ่น  1 ถึงรุ่น 2 ส่งท้ายปลายปี

อ.ดร.ตรียุทธ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเรียนออนไลน์ไม่ได้ถูกจำกัดที่อายุและสถานที่อีกต่อไป ในรุ่นแรก มีผู้เรียนมาจากเหนือจรดใต้ อายุตั้งแต่ 20 ต้นๆ จนถึง 60 กว่า มาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้กัน มหิดลตั้งใจทำการเรียนการสอนหลักสูตรนี้ให้เหมือนห้องเรียนจริงมากที่สุด ผู้เรียนสามารถสร้างคอนเนคชั่นกับเพื่อนในชั้นจากทั่วประเทศได้ผ่านกิจกรรมกลุ่ม ถามตอบอาจารย์ได้แบบเรียลไทม์

หลักสูตรระยะสั้น 8 สัปดาห์ เรียนสดออนไลน์ทุกวันอาทิตย์ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน – 27 ธันวาคม 2563  เวลา 10.00 – 15.00 น. สามารถดูวิดิโอย้อนหลังได้เช่นกัน เมื่อเรียนจบ ได้ประกาศนียบัตรจากมหาวิทยาลัยมหิดล

ค่าเรียน 29,000 บาท ศิษย์เก่ามหิดล ได้ส่วนลดพิเศษ 10% และค่าลงทะเบียนสำหรับองค์กร Corporate Package สมัครพร้อมกัน 3 ท่าน ค่าลงทะเบียนท่านละ 24,650 บาท หักค่าใช้จ่ายได้ 200%

สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของหลักสูตรและสมัครเรียนได้ที่

Website: https://www.neobycmmu.com/

Facebook: NEO By CMMU

ติดต่อ ฝ่ายการศึกษาหลักสูตร NEO : 092-916-4265 (คุณเฟิร์น)  

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ